Biotherapy

เพศหญิง เป็นเพศที่มีการตอบสนองไวต่อความเปลี่ยนแปลงของร่างกายเมื่อมีอายุมากขึ้น มีพฤติกรรมสุขภาพที่เพิ่มความเสี่ยง ความเครียดต่างๆ ตลอดจนสภาพแวดล้อมที่ไม่ส่งเสริมให้มีสุขภาพแข็งแรง ทำให้ร่างกายมีความเสื่อมลงได้อย่างรวดเร็วกว่าปกติ ไม่เพียงแต่ความเจ็บป่วยทางด้านร่างกาย ยังส่งผลต่อสภาพจิตใจ ซึ่งเกิดมาจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย การไหลเวียนโลหิต ความเสื่อมของเซลล์ต่างๆในร่างกาย ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพตามมามากมาย โดยเฉพาะปัญหาสุขภาพเพศหญิง เช่น อารมณ์เปลี่ยนแปลง หงุดหงิดง่าย ซึมเศร้า นอนไม่หลับ ร้อนวูบวาบ ผิวขาดความชุ่มชื้น ช่องคลอดแห้ง เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ ความต้องการทางเพศลดลง การไม่ถึงจุดสุดยอดขณะมีเพศสัมพันธ์ ปัสสาวะเล็ด และติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ เป็นต้น

ปัญหาสุขภาพเพศหญิงเหล่านี้ พบได้ 30 ถึง 50% ในประชากรเพศหญิง ซึ่งในปัจจุบันมีการรักษาที่ หลากหลายตั้งแต่ การใช้ยา, การใช้สารหล่อลื่น, การใช้ฮอร์โมนทดแทน (Hormone Replacement Therapy), การผ่าตัด, การใช้เครื่องมือทางการแพทย์ รวมไปถึงการใช้สารสกัดจากเลือด (PRP), การใช้สารสกัดจากรก (Placenta) และการใช้สเต็มเซลล์

        (Stem Cell Therapy) เพื่อมารักษาเฉพาะจุดหรือดูแลทั้งร่างกาย โดยแต่ละอย่างจะมีความเหมาะสมและผลข้างเคียงที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งการใช้ “Stem Cell Therapy” นั้นถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มีประสิทธิภาพสูง มีความปลอดภัย และมีการศึกษาวิจัยเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน “Stem Cell Therapy” ถูกนำมาใช้ในการส่งเสริม ดูแลรักษา ป้องกันสุขภาพเพศหญิง ปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องฮอร์โมน และการดูแลสุขภาพแบบชะลอวัย ได้แก่

  • ภาวะความต้องการทางเพศน้อยเกินไป (Hypoactive Sexual Desire Disorder)
  • ภาวะไม่ตื่นตัวทางเพศในเพศหญิง (Female Sexual Arousal Disorder)
  • ภาวะไม่มีความสุขสุดยอดในเพศหญิง (Female Orgasmic Disorder)
  • ภาวะเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ (Dyspareunia)
  • อาการวัยทองในเพศหญิง(Menopause Symptom)    

หลักการทำงานของ สเต็มเซลล์ (Stem Cell)

เซลล์ต้นกำเนิด คือ“การใช้เซลล์ซ่อมเซลล์ ” เพื่อซ่อมแซมความเสื่อมของร่างกาย โดยปกติมนุษย์เราจะมีเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cell) ที่ช่วยซ่อมแซมภายในร่างกายอยู่แล้ว แต่การซ่อมแซมนั้นอาจไม่สมบูรณ (เนื่องจากเซลล์ต้นกำเนิดนั้นจะมีจำนวนลดลงเมื่ออายุมากขึ้นหรือร่างกายไม่แข็งแรง จึงมีการใช้
สเต็มเซลล์ ที่มีคุณภาพสูงและยังมีชีวิตอยู่ (Live Stem Cell) เพื่อเพิ่มปริมาณเซลล์ต้นกำเนิดใหม่ในร่างกาย

     สเต็มเซลล์ (Stem Cell) หรือ เซลล์ต้นกำเนิด คือ เซลล์ตัวอ่อนที่ยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ มีคุณลักษณะพิเศษ 3 ประการ ได้แก่

 1) ยังไม่เป็นเซลล์ทำหน้าที่เฉพาะเจาะจง (Undifferentiated Cell)

 2) สามารถแบ่งตัวได้อย่างไม่มีขีดจำกัดทุกช่วงอายุที่มีการเจริญเติบโตและเปลี่ยนแปลงเพื่อไปเป็นเซลล์อื่นๆ ที่ทำหน้าที่เฉพาะเจาะจงได้ เช่น เปลี่ยนกลายเป็นเซลล์เนื้อเยื่อชนิดต่างๆ เซลล์ประสาท เซลล์เม็ดเลือด

 3) สามารถแบ่งเซลล์เพื่อทดแทนเซลล์ลักษณะเดิมได้ (Self-Renewal) จากคุณลักษณะพิเศษของสเต็มเซลล์ (Stem Cell) ทำให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีสเต็มเซลล์ (Stem Cell Technology) มาใช้ในทางการแพทย์ โดยมีการศึกษาวิจัยกลไกการออกฤทธิ์ของสเต็มเซลล์ (Stem Cell) พบว่า หลังจากที่สเต็มเซลล์ (Stem Cell) ถูกฉีดเข้าสู่ร่างกาย สเต็มเซลล์ (Stem Cell) จะเดินทางไปยังอวัยวะที่เป็นแหล่งต้นกำเนิด (Homing) เมื่อพบว่าเซลล์ของอวัยวะนั้นๆ เสื่อม สเต็มเซลล์ (Stem Cell) ก็จะสร้างสารชีวโมเลกุลหลากหลายชนิดขึ้นมา เช่น Cytokines, Chemokines และ Growth Factors เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซ่อมแซม ฟื้นฟู และทดแทนเนื้อเยื่อที่มีความเสื่อมหรือเสียหาย

      แหล่งที่มาของสเต็มเซลล์ (Stem Cell) หรือ เซลล์ต้นกำเนิด มีอยู่ 2 แบบ คือ Embryonic Stem Cell (เซลล์ต้นกำเนิดตัวอ่อน) เซลล์ตัวอ่อนตั้งแต่ปฏิสนธิ และ Adult Stem Cell (เซลล์ต้นกำเนิดโตเต็มวัย) จากเนื้อเยื่อที่โตเต็มวัย เช่น ไขกระดูก, เลือด, เลือดจากสายสะดือทารก, รก, ฟันน้ำนม, เนื้อเยื่อไขมัน เป็นต้น สำหรับสเต็มเซลล์ (Stem Cell) ที่มีการนำมาใช้ทางการแพทย์เพื่อเสริมความงาม ดูแลสุขภาพ และเสริมสร้างความอ่อนเยาว์นั้น จะใช้เซลล์ต้นกำเนิด ซึ่งเป็น Adult Stem Cell ที่เรียกว่า มิเซนไคยมอล สเต็มเซลล์ (Mesenchymal Stem Cells –MSC)

      การรักษาด้วยเซลล์บำบัด (Cell Therapy) โดยใช้สเต็มเซลล์ (Stem Cell) หรือ เซลล์ต้นกำเนิดนั้นจะให้ความสำคัญกับความสามารถในการซ่อมแซม ฟื้นฟู และทดแทนเนื้อเยื่อที่เสียหาย โดยสเต็มเซลล์ (Stem Cell) จะมีคุณสมบัติพิเศษ คือ ความสามารถในการที่จะเดินทางไปยังแหล่งที่มีการอักเสบ และสร้างสารชีวโมเลกุล เช่น Cytokines ที่ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อ, ต้านการอักเสบ, ปรับสมดุลฮอร์โมน, ปรับสมดุลของร่างกาย และกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์ต้นกำเนิด ที่มีอยู่ในร่างกาย โดยสเต็มเซลล์

       (Stem Cell) สามารถทำหน้าที่ต่าง ๆ ได้ดังนี้

  • ช่วยกระตุ้นเซลล์ในร่างกายที่ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนให้ทำงานและตอบสนองกับสภาพร่างกายและฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงได้ดียิ่งขึ้น
  •  ช่วยส่งเสริมให้ร่างกายกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ ช่วยเพิ่มเซลล์ชนิด Fibroblasts ซึ่งเป็นเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินให้กับผิวหนัง ซึ่งจะช่วยลดริ้วรอย, ความเหี่ยวย่น และรักษารอยแผล ทำให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง และทำให้เซลล์ผิวโดยรวมดูอ่อนเยาว์อย่างเห็นได้ชัดเจน
  • ช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล (ผิวที่เสื่อมสภาพ เช่น ซ่อมแซมเซลล์ผิวที่ได้รับความเสียหายจาก Ultraviolet B (UVB), เพิ่มความแข็งแรงให้กับผิวหนังชั้น Dermis ช่วยลดอัตราการเกิดมะเร็งผิวหนังช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (Connective Tissue) ที่มีผลกับสร้างเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินรวมไปถึงการสร้างหลอดเลือดและเนื้อเยื่อ กระตุ้นให้เกิดการไหลเวียนเลือดทำให้ผิวดูมีเลือดฝาด
  • ช่วยส่งเสริมการเจริญของหลอดเลือดใหม่ (Angiogenesis) ซึ่งจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปยังเนื้อเยื่อและอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย ทำให้ร่างกายทำงานได้ดีขึ้น
  • ช่วยลดกระบวนการอักเสบในร่างกายและปรับสมดุลของระบบภูมิคุ้มกัน
  • ช่วยกระตุ้นการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการถูกทำลายของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายจากสารอนุมูลอิสระ
  • ช่วยกระตุ้นการทำงานของ Growth Factor และ Cytokines ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายให้ตอบสนองและทำงานได้ดียิ่งขึ้น

       จะเห็นได้ว่า สเต็มเซลล์ (Stem Cell) นั้นมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งเพราะ สเต็มเซลล์ (Stem Cell) นั้นเป็นเซลล์ต้นกำเนิดของอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย โดยเซลล์ต้นกำเนิดนี้ จะมีจำนวนลดลงและมีความสามารถลดลงเรื่อยๆ เมื่อมีอายุมากขึ้น และลดลงอย่างรวดเร็ว ถ้าบุคคลนั้นมีสุขภาพที่ไม่ดี หรือมีโรคประจำตัวต่าง ๆ ซึ่งระดับจำนวนสเต็มเซลล์ ในกระแสเลือด (Circulating Stem Cell) มีความสำคัญต่อสุขภาพและมีผลต่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอต่างๆของร่างกายผู้ที่มีระดับจำนวน สเต็มเซลล ที่มากพอจะมีสุขภาพที่ดีห่างไกลจากการเกิดโรค 

การใช้ Stem Cell Therapy ในการดูแลสุขภาพจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่ง 

สาเหตุและทางแก้ไขปัญหาช่องคลอดไม่กระชับ

สาเหตุของช่องคลอดหลวม

ช่องคลอดหลวม ทำไงดี! ปัญหาหนักใจสำหรับผู้หญิง เพราะเมื่อเริ่มมีอายุมากขึ้น ช่องคลอดก็เสื่อมสภาพตามกาลเวลาเป็นเรื่องธรรมดา แต่ดูท่ามันจะเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่น่าจะธรรมดา สำหรับ “คู่รัก” ซึ่งอาจจะลุกลามจนก่อเกิดเป็นปัญหาครอบครัวจนถึงขั้นเตียงหักได้ แค่เพราะปัญหาธรรมดาที่เกิดตามวัยของผู้หญิงเรา แต่คุณผู้ชายตัวดีของเราดันไม่เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องธรรมดานี่สิ แต่ก่อนจะไปดูวิธีการแก้ไข เรามาทำความเข้าใจกันให้มากขึ้นเกี่ยวกับอาการนี้กันก่อน

ช่องคลอดหลวมเป็นยังไง?

คุณมีอาการแบบนี้หรือเปล่า? รู้สึกว่าช่องคลอดไม่ฟิตกระชับขณะมีเพศสัมพันธ์เหมือนที่เคย รู้สึกว่าช่องคลอดหลวม มีลมออกมา หรือเจ็บ จนทำให้มีความสุขน้อยลง อีกทั้งช่องคลอดหลวมยังทำให้มีอาการปัสสาวะเล็ดเมื่อไอหรือจามได้ด้วย

ช่องคลอดหลวมเกิดจากอะไร?

ช่องคลอดไม่กระชับเกิดจากกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อผนังภายในเสื่อม ทำให้เกิดความหย่อนยาน หลวมและกว้างขึ้น ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การเสื่อมสภาพของร่างกายตามวัย การคลอดบุตร โรคประจำตัวบางอย่าง ภาวะอ้วน การยกของหนักเป็นประจำ เป็นต้น

    อาการช่องคลอดหลวมเกิดได้ตามธรรมชาติ และบางกรณีก็หลีกเลี่ยงไม่ได้แบบนี้ สาวๆ จะมีวิธีแก้แบบไหนได้บ้างนะ

ช่องคลอดหลวมรักษาอย่างไร

ทางออกอยู่ที่นี่แล้ว! Rejuvet Clinic เข้าใจเรื่องความกังวลนี้ของสาวๆ มากที่สุด การันตีด้วยรางวัล  Thailand No.1 Top Treatment Provider Award 2 ปีซ้อน (2019, 2020)  คุณจึงมั่นใจได้ว่าเรามีความเชี่ยวชาญและให้ความสำคัญเรื่องน้องสาวเป็นอันดับ 1 เพราะฉะนั้นสาวๆทุกคน ทิ้งความอายออกไปและให้เราช่วยแก้ไขปัญหาช่องคลอดหลวมให้กลับมาฟิตเหมือนวัยแรกแย้ม วิธีการทำไม่ใช่วิธีการแบบเก่าๆ ที่รักษาเฉพาะช่องคลอดแน่นอน แต่เรายังสามารถทำให้ภายนอกจากที่หย่อนคล้อย กลับมาเรียบเนียน ตึง อวบอูม กระชับ สีสวยสดอีกด้วย ถ้าภายนอกยังทำให้สวยขนาดนี้ แน่นอนภายในเราก็ไม่ธรรมดา เราสามารถทำให้ช่องคลอดกระชับ บีบรัดเหมือนสาวเวอร์จิ้น แถมกระตุ้นให้จุดออกัสซั่มไวต่อความรู้สึก และทำให้ช่องคลอดชุ่มชื้นไม่แห้งเหือด ทำให้บทรักที่ร้อนแรกเหมือนครั้งแรกได้ทันทีจากที่ทำครั้งแรก

เจ็บมั้ย?

เทคโนโลยี New ThermiVa ที่เราใช้นั้น เป็นวิธีแก้ช่องคลอดหลวมที่ไม่ใช่การผ่าตัด จึงตัดเรื่องการพักฟื้นเป็นระยะเวลานานได้เลย และที่สำคัญไม่เจ็บเลย แต่แค่รู้สึกอุ่นๆ เท่านั้น เพราะเราใช้ Heat Protector Gel ความบริสุทธ์สูง ไม่ก่ออาการแพ้ บริสุทธิ์ 100% (Made in USA) ส่งพลังงานลึก แม่น 3 เท่าป้องกันผิวน้อง ไม่มี Burn เอกสิทธิ์เฉพาะ Rejuvet clinic เท่านั้น และไม้ Probe เป็นไม้ที่สั่งทำขึ้นมาเฉพาะ ไม่แชร์กับลูกค้าท่านอื่นแน่นอน 

เพราะฉะนั้นคุณลูกค้ามั่นใจได้ถึงความปลอดภัย ความสะอาดได้แน่นอน คุณผู้หญิงจะรักการทำ Revergin กับทาง Rejuvet Clinic แน่นอน ทางเราจะมีการถ่ายรูปเปรียบเทียบให้ดูก่อน – หลังทำเพื่อให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ คุณผู้ชายทั้งหลายจะกลับมาเป็นแมวน้อยในกำมือของคุณผู้หญิงทุกท่านแน่นอน หมดกังวลเรื่องช่องคลอดไม่กระชับไปได้เลย แนะนำให้ทำต่อเนื่องเพื่อให้เกิดการกระชับ ฟิตอยู่ตลอดเวลา เวลาก็ทำอะไรไม่ได้อีกต่อไป เพราะเรามีตัวช่วยที่สามารถต่อสู้กับปัญหาช่องคลอดหลวมได้อย่างหมดจด

อาการวัยทองแบ่งออกเป็นกี่ระยะ 

อาการวัยทองแบ่งออกเป็นกี่ระยะ 

อาการวัยทองหรืออาการของวัยหมดประจำเดือน เป็นวัยที่มีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง เนื่องจากรังไข่หยุดทำงาน ซึ่งทำให้สิ้นสุดการมีประจำเดือนอย่างถาวร และเกิดการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยา โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ

▸ ระยะก่อนหมดประจำเดือน เป็นระยะเริ่มของการหมดประจำเดือนทำให้มีประจำเดือนมาผิดปกติ ร่วมกับมีอาการทางร่างกาย เช่น ร้อนวูบวาบ มึนศีรษะ อ่อนเพลีย อารมณ์จะแปรปรวน ซึ่งระยะนี้จะเกิดประมาณ 2-3 ปี

▸ ระยะหมดประจำเดือน เป็นระยะที่เริ่มตั้งแต่การหมดประจำเดือนมาแล้วเป็นเวลา 1 ปี

▸ ระยะหลังหมดประจำเดือน เป็นระยะที่เริ่มตั้งแต่หลังหมดประจำเดือนมาแล้ว 1 ปี ซึ่งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ได้แก่ ช่องคลอดตีบแคบ กระดูกพรุน และเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคต่างๆได้ง่าย

อาการที่บ่งบอกว่าคุณกำลังขาด Vitamin D 

อาการที่บ่งบอกว่าคุณกำลังขาด Vitamin D 

หากคุณมีปัญหาเหล่านี้อย่ามัวรอช้ารีบปรึกษาคุณหมอแมน (แพทย์เฉพาะทางด้านสุขภาพเพศ)

ที่ #RejuvetClinic เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและแนวทางการรักษา

  •  มีภาวะซึมเศร้า
  •  ร่างกายอ่อนเพลียเมื่อยล้า ไม่อยากทำอะไร
  •  อารมณ์แปรปรวนเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
  •  นอนหลับยาก หลับตื้น ตื่นง่าย
  •  เครียด วิตกกังวล

𝙑𝙞𝙩𝙖𝙢𝙞𝙣𝘿 เกี่ยวข้องกับ𝙃𝙤𝙧𝙢𝙤𝙣𝙚 แบบไหนสำคัญต่อสุขภาพกว่าที่คิดอย่างไร??

𝙑𝙞𝙩𝙖𝙢𝙞𝙣 𝘿 เกี่ยวข้องกับ𝙃𝙤𝙧𝙢𝙤𝙣𝙚 แบบไหนสำคัญต่อสุขภาพกว่าที่คิดอย่างไร??

วิตามินดี

 #เป็นวิตามินที่มีโครงสร้างคล้ายฮอร์โมนเพศจากต่อมไร้ท่อ จึงมีบทบาทสำคัญในการควบคุมกระบวนการสำคัญต่างๆในร่างกาย เสริมสร้างการทำงานระบบต่างๆในร่างกายได้ดี 

แต่เป็นอีกหนึ่งวิตามินสำคัญที่ร่างกาย ที่ไม่สามารถผลิตขึ้นมาใช้ได้เอง จำเป็นต้องใช้แสงแดดช่วยในการสังเคราะห์ (สร้างที่ผิวหนัง) ไปเป็นวิตามินดีต่อไป 

 วิตามินดี กับ ฮอร์โมน 

วิตามินดี เป็นที่เก็บสะสมในไขมัน แล้วสมองก็เป็นเนื้อเยื่อไขมันขนาดใหญ่ พบตัวรับวิตามินดีในเซลล์สมองเกือบทุกเซลล์ โดยเฉพาะในส่วนไฮโปธาลามัส ซึ่งมีความสำคัญกับระบบต่อมไร้ท่อ #เชื่อมโยงระบบฮอร์โมนของเกือบทุกระบบในร่างกาย จึงนับได้ว่า วิตามินดี #เป็นฮอร์โมนที่สำคัญตัวนึง ต่อการทำงานของระบบประสาทและสมองด้วย

 วิตามินดีระดับต่ำ อาจส่งผลต่อการควบคุมอารมณ์ สังเคราะห์ฮอร์โมน และพฤติกรรมต่างๆ ลดคุณภาพการนอนหลับได้

  วิตามินดีช่วยให้สมองหลั่งสารเซโรโทนิน (Serotonin) มากขึ้น การชดเชยวิตามินดี ในคนที่มีระดับต่ำ จะดีต่อระบบประสาท ลดความเครียด ลดภาวะซึมเศร้า

  วิตามินดีต่อภูมิคุ้มกัน : เสริมการทำงานเม็ดเลือดขาว ช่วยป้องกันการติดเชื้อ

 ในด้านผิวพรรณ วิตามินดีช่วยในการแบ่งเซลล์ (Cell Proliferation) และการพัฒนาเซลล์เพื่อไปทำหน้าที่ซ่อมแซมส่วนสึกหรอต่างๆ ช่วยชะลอวัยของผิว

  วิตามินดีต่อกระดูก : กระตุ้นการสร้างกระดูก กระตุ้นการดูดซึมแคลเซียมได้ดี

 หมั่นสังเกต เช็คระบบฮอร์โมนที่จำเป็นต่อร่างกายให้สมดุล เป็นวิธีช่วยป้องกันการเกิดอาการไม่พึงประสงค์ของร่างกายได้อีกด้วยค่ะ 

บอกลาริ้วรอยด้วย “ 5 ท่านวดหน้า ” วิธีง่ายๆแก้ได้ด้วยตัวเอง

บอกลาริ้วรอยด้วย 

“ 5 ท่านวดหน้า ” วิธีง่ายๆแก้ได้ด้วยตัวเอง

ท่าที่ 1 กระชับหน้าผาก

วางนิ้วโป้งตรงโหนกแก้มและนิ้วชี้เหนือเส้นคิ้ว เลิกคิ้วขึ้น ดึงนิ้วชี้ลงค่อยๆ ค้างไว้ 2 วินาที ระวังอย่าให้หน้าผากย่น ทำซ้ำ 3 รอบ

ท่าที่ 2 ชะลอริ้วรอยรอบดวงตา

  1. กรอกตาไปด้านขวา กลับมากึ่งกลาง สลับไปด้านซ้าย
  2. กรอกตาขึ้นด้านบน กลับมากึ่งกลาง สลับลงด้านล่าง ทำซ้ำ 3 รอบ ทั้งสองท่า

ท่าที่ 3 กระชับลำคอและโหนกแก้ม

ห่อปากให้เล็กที่สุด สลับกับยิ้มให้กว้างที่สุด 10 รอบ จากนั้นยิ้มให้กว้าง วางนิ้วชี้ตรงคาง เงยหน้าขึ้นและลงให้สุด 3 รอบ

ท่าที่ 4 ชะลอริ้วรอยช่วงหน้าผาก

วางนิ้วที่ใต้หู ลากนิ้วลงมาที่ไหปลาร้า และเงยหน้าขึ้นให้สุด ยื่นคางออกไปข้างหน้า ทำซ้ำ 6 รอบ

ท่าที่ 5 ป้องกันคางย้อย

วางนิ้วที่ใต้หู ค่อยๆลากนิ้วลงมาที่ใต้คาง แล้วเงยหน้าขึ้นให้สุด ยื่นคางออกไปข้างหน้า รูดลงมา ทำซ้ำ 6 รอบ

4 วิธีดูแลจุดซ่อนเร้นที่สาวๆควรทำเป็นประจำ เพื่อให้น้องสาวมีสุขอนามัยที่ดี 

  • ดูแลสุขภาพภายใน ในช่วงวันนั้นของเดือน แนะนำให้เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆกรืออย่างน้อย เช้า กลางวัน เย็น
  • หลังเข้าห้องน้ำควรล้างด้วยน้ำสะอาดและซับเบาๆ โดยเช็ดจากหน้าไปด้านหลัง ไม่ให้เชื้อโรคจากทวารหนักติดต่อมายังช่องคลอด
  • ใส่เสื้อผ้าที่เป็นมิตรกับน้องสาว ไม่แต่งตัวรัดแน่นจนเกินไป เพราะอากาศร้อนอาจทำให้น้องสาวอับชื้นได้
  • สังเกตความผิดปกติน้องสาวอยู่เสมอ เช่น คันในช่องคลอด ตกขาวมากจนผิดสังเกต