โบท็อก ลิฟกรอบหน้า คืออะไร ช่วยอะไร ใช้กี่ยูนิต กี่วันเห็นผล เจาะลึกลิฟกรอบหน้า

โบท็อก ลิฟกรอบหน้า คืออะไร ช่วยอะไร ใช้กี่ยูนิต กี่วันเห็นผล เจาะลึกลิฟกรอบหน้า

เทคโนโลยีในปัจจุบัน สามารถบันดาลความสวยที่สมบูรณ์แบบให้กับหลายๆคน นอกจากการฉีดโบท็อกเพื่อปรับปรุงส่วนบกพร่องของใบหน้าแล้ว ก็ยังคงมีหัตถการการรักษาในอีกรูปแบบหนึ่งที่เราเคยได้ยินชื่อกันบ่อยๆ นั่นก็คือ “การโบท็อก ลิฟกรอบหน้า” หรือเรียกสั้นๆว่า “โบ ลิฟกรอบหน้า” กันมาบ้างแล้ว ในบทความนี้เราจะมาดูกันว่า การโบท็อก ลิฟกรอบหน้าคืออะไร ลิฟกรอบหน้า กี่วันเห็นผล ลิฟกรอบหน้า ใช้กี่ยู ข้อปฏิบัติหลัง ลิฟกรอบหน้า พร้อมรายละเอียดแบบเจาะลึก เรารวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดโบท็อก ลิฟกรอบหน้ามาไว้ให้คุณแล้วที่นี่ ศึกษาเพิ่มเติมได้ในบทความนี้เลย!
เลือกอ่านหัวข้อที่ชอบ
    Add a header to begin generating the table of contents
    face lifting

    โบท็อก ลิฟกรอบหน้า คืออะไร?

    การโบท็อก ลิฟกรอบหน้า คือ การฉีดสารโบท็อก หรือโบทูลินั่มท็อกซิน ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ที่มีความคล้ายคลึงกับสารประเภทโปรตีนในร่างกายของมนุษย์เข้าไปในผิวชั้นตื้น บริเวณกรอบหน้า หรือใต้คางด้วยเทคนิคพิเศษ เพื่อยกกระชับกรอบหน้าและเพิ่มความคมชัด มีมิติให้แก่ใบหน้า โดยให้ผลลัพธ์ที่เห็นผลได้อย่างชัดเจน เรียกได้ว่า เป็นหัตถการที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลอย่างเร่งด่วน เทคนิคพิเศษที่ว่านี้มีด้วยกัน 2 แบบคือ

    • Dermolift เป็นการฉีดสาร โบท็อก ลงในบริเวณผิวชั้นตื้นบริเวณแนวกรอบหน้า ขึ้นไปด้านบนเพื่อกระตุ้นให้ใบหน้ายกกระชับขึ้น โดยเทคนิคพิเศษนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลอย่างเร่งด่วน แต่แพทย์ก็ไม่แนะนำให้ฉีดด้วยวิธีนี้บ่อยจนเกินไปเพราะอาจมีโอกาสเสี่ยงในการดื้อโบท็อกได้ในอนาคต
    • Nefertiti lift เป็นการฉีดสาร โบท็อก ลงไปในบริเวณผิวชั้นตื้นเช่นเดียวกันแต่เป็นบริเวณกล้ามเนื้อลำคอ ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าและอยู่ได้นานกว่าแบบ Dermolift เนื่องจากกล้ามเนื้อคอเป็นกล้ามเนื้อส่วนหลักที่ทำให้ใบหน้าเกิดความหย่อนคล้อย จึงสามารถช่วยลดแรงตึงผิวและทำให้ใบหน้ายกกระชับได้ดีกว่า

    โบท็อก ลิฟกรอบหน้า ช่วยเรื่องอะไร?

    การโบท็อก ลิฟกรอบหน้าจะช่วยให้ใบหน้ายกกระชับขึ้น รวมทั้งช่วยให้หน้าเรียว กรอบหน้าคมชัด มีมิติและดูสวยขึ้น หากมีการทำหัตถการคู่กับโบท็อกลดกรามจะช่วยให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นโดยที่ไม่ต้องทำการผ่าตัด หรือศัลยกรรมใดๆเลย นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวบริเวณที่ทำโบท็อกมีความกระชับ เรียบเนียน เพราะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว แถมยังสามารถไปฉีดซ้ำได้โดยที่ไม่ส่งผลอันตรายใดๆต่อร่างกายอีกด้วย การโบท็อก ลิฟกรอบหน้าจึงถือว่าเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มค่า คุ้มราคาในเรื่องของผลลัพธ์ที่ได้รับและยังไม่ต้องพักฟื้นหลังการเข้ารับการรักษาอีกด้วย

    โบท็อก ลิฟกรอบหน้า ต้องใช้กี่ยูนิต?

    การฉีดโบท็อก ลิฟกรอบหน้าต้องใช้กี่ยูนั้น โดยปกติแล้วจะใช้ โบท็อก ประมาณ 30-50 ยูนิต ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาผิวหน้าของคนไข้แต่ละเคส โดยแพทย์ผู้ดูแลเคสจะเป็นผู้ประเมินและพิจารณาว่า คนไข้แต่ละเคสควรจะใช้ประมาณกี่ยูนิตและใช้ โบท็อก ยี่ห้อไหนดีกว่ากันตามความเหมาะสม

    face lifting

    โบท็อก ลิฟกรอบหน้า กี่วันเห็นผล?

    การฉีดโบท็อก ลิฟกรอบหน้าจะเห็นผลโดยประมาณ 3-4 วันหลังจากการฉีดโบท็อก โดยจะเห็นผลอย่างชัดเจนภายใน 2 สัปดาห์ ไม่ว่าจะเป็นการยกกระชับใบหน้า แนวกรอบหน้ามีความคมชัดและดูมีมิติ นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับเทคนิคในการฉีดด้วยว่า เป็นการฉีดด้วยเทคนิคพิเศษไหน หากเป็นการฉีดด้วยเทคนิค Nefertiti lift ก็จะได้รับผลในเรื่องการลดเหนียงร่วมด้วย หรือหากมีการรักษาร่วมกับการทำโบท็อก ลดกรามก็จะสามารถเห็นผลได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

    โบท็อก ลิฟกรอบหน้า อยู่ได้นานแค่ไหน?

    การฉีดโบท็อก ลิฟกรอบหน้า จะอยู่ได้กี่เดือนนั้นขึ้นอยู่กับเทคนิคในการฉีด อย่างที่ได้กล่าวไปในตอนต้นว่าเทคนิคพิเศษในการฉีดจะแบ่งออกเป็น 2 เทคนิค Dermolift ฉีดบริเวณกรอบหน้าโดยตรงและเห็นผลรวดเร็วแต่จะอยู่ได้นาน 1-2 เดือน ส่วนเทคนิค Nefertiti lift จะฉีดที่บริเวณลำคอเพื่อลดน้ำหนักของแรงดึงที่เกิดขึ้นจากกล้ามเนื้อลำคอและจะอยู่ได้นานกว่า 3-4 เดือน

    สรุปเกี่ยวกับการโบท็อก ลิฟกรอบหน้า

    การฉีดโบท็อก ลิฟกรอบหน้า ถือว่าเป็นหัตถการที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์อย่างชัดเจน เร่งด่วนและมีความคุ้มค่า คุ้มราคาในแง่ของผลลัพธ์ แต่อย่างที่ได้กล่าวไปในเบื้องต้นว่าการโบท็อก ลิฟกรอบหน้าจะต้องมีการฉีดด้วยเทคนิคพิเศษ ดังนั้นการเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญก็จะมีความคุ้มค่าและเห็นผลได้ชัดเจนมากยิ่งกว่า นอกจากนี้แพทย์ที่มีประสบการณ์ ยังสามารถทำการประเมินแผนการรักษาได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งยังช่วยแนะนำได้ด้วยว่า ควรจะทำการโบท็อก ลิฟกรอบหน้าควบคู่กับหัตถการอื่นๆเพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่าหรือไม่อย่างไร โดยรวมแล้วก็เท่ากับว่าผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับฝีมือของคุณหมอนั่นเอง

    นอกจากนี้การตรวจสอบคลินิก หรือสถานบริการที่เข้ารับการรักษาว่ามีมาตรฐานที่ดีหรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้คุณมีความมั่นใจได้ว่า การรักษาจะเป็นไปอย่างปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อ หรือคุณภาพของโบท็อก รวมทั้งราคาในการให้บริการอีกด้วย หากใครที่มองข้ามจุดสำคัญเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ไป ก็อาจจะทำให้การรักษาไม่เป็นผลดี อาจจะเกิดความผิดพลาดทางเทคนิค หรือความเสี่ยงจากการได้รับ โบท็อก ของปลอมอีกด้วย

    ลงทะเบียนรับคำปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

    เจาะลึกกำจัดขนน้องสาวด้วยเลเซอร์ เลเซอร์บิกินี่ เลเซอร์ขนจิมิ ถาวร เลเซอร์ขนจิมิ มีกี่แบบ ราคา เท่าไร เปรียบเทียบเลเซอร์แต่ละแบบ

    เจาะลึกกำจัดขนน้องสาวด้วยเลเซอร์ เลเซอร์บิกินี่ เลเซอร์ขนจิมิ ถาวร เลเซอร์ขนจิมิ มีกี่แบบ ราคา เท่าไร เปรียบเทียบเลเซอร์แต่ละแบบ

    เรื่องเส้นขนในร่างกาย ถึงแม้ว่าจะมีประโยชน์ในการระบายความร้อนและช่วยปกป้องจากสิ่งอันตรายแต่ก็ไม่ใช่ว่าผู้หญิงอย่างเราๆจะชื่นชอบเส้นขนที่ขึ้นอยู่ทุกๆที่ในร่างกายไปซะหมด อย่างเช่น หนวด ขนคิ้ว ขนรักแร้ ขนหน้าแข้ง หรือขนจิมิ เชื่อว่าหลายๆคนต้องเคยใช้วิธีกำจัดขนซักวิธีใดวิธีหนึ่งมาก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเล็ม การตัด การโกน การถอน การใช้แว็กซ์ การใช้มูสกำจัดขนและการยิงเลเซอร์ ทานแลกกับความมั่นใจต่อหน้าผู้คน…เพื่อความสวย เรายอมเจ็บตัวได้

    ในบทความนี้เราจะมาดูว่า การกำจัดขนน้องสาวด้วยเลเซอร์ เลเซอร์ขนจิมิ ถาวรหรือไม่? เลเซอร์ขนจิมิ มีกี่แบบ? เลเซอร์ขนจิมิ ราคาเท่าไหร่? เจาะลึกและเปรียบเทียบเลเซอร์แต่ละแบบว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร? ติดตามได้ในบทความนี้เลย!

    เลือกอ่านหัวข้อที่ชอบ
      Add a header to begin generating the table of contents
      bikini laser hair removal

      เลเซอร์ขน คืออะไร?

      เลเซอร์ขน คือ วิธีการกำจัดขนด้วยการยิงคลื่นความถี่ที่เหมาะสมด้วยเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อให้คลื่นความถี่ที่ยิงเข้าไปนั้นทำหน้าที่กำจัดขนได้อย่างตรงจุด คลื่นความถี่ที่ยิงเข้าไป จะไปจับตัวกับเม็ดสีเมลานินในรากของเส้นขน จากนั้นจะค่อยๆทำลายเส้นขนจนกระทั่งหลุดร่วง ถึงแม้ว่าจะงอกใหม่ก็จะไม่แข็งแรงและเส้นบางมาก จนกระทั่งไม่สามารถขึ้นมาใหม่ได้

      เลเซอร์ขนจิมิ ถาวร มีประโยชน์อย่างไร?

      • เพิ่มความมั่นใจให้กับสาวๆให้สนุกกับการแต่งตัว การสวมใส่ชุดว่ายน้ำ หรือบิกินี่สุดโปรด โดยที่ไม่มีขนจิมิแพลมออกมาให้หงุดหงิดใจ หรือไม่ต้องหลบๆซ่อนๆเพราะความเขินอายอีกต่อไปแล้ว
      • ปริมาณขนที่ลดลง ช่วยให้การดูแลรักษาความสะอาดง่ายขึ้น ช่วยให้สุขอนามัยบริเวณจุดซ่อนเร้นดีขึ้นเพราะทำความสะอาดง่ายขึ้นนั่นเอง
      • ลดความอับชื้นบริเวณจุดซ่อนเร้น เวลาเข้าห้องน้ำ การเช็ดทำความสะอาดอาจจะไม่เพียงพอเพราะจำนวนขนจิมิที่มีปริมาณมากอาจจะทำให้เกิดความอับชื้นและเกิดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ได้
      • ลดปัญหาเรื่องกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่มีต้นเหตุมาจากความอับชื้นของขนจิมิ โดยเฉพาะปริมาณขนจิมิที่มีเยอะจะทำให้มีกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ได้
      • บรรเทาอาการคันในร่มผ้าและจุดซ่อนเร้น บางคนมีขนจิมิค่อนข้างหนา เมื่อเกิดการเสียดสีกับเครื่องแต่งกาย อาจจะทำให้มีอาการคันระคายเคืองได้ โดยเฉพาะเวลาที่มีประจำเดือนอาจจะทำให้หงุดหงิดมากขึ้นก็เป็นได้

      เลเซอร์ขนจิมิ มีกี่แบบ

      เลเซอร์ขนจิมิ ถาวร หรือเราเรียกว่าเลเซอร์บิกินี่ ในปัจจุบันมีหลายแบบ ทั้งเลเซอร์ขนบิกินี่ (รอบขอบกางเกงใน) หรือ The Brazilian Bikini (เกลี้ยงเกลา) ขึ้นอยู่กับรูปแบบที่เราต้องการใช้ยิงว่า คลื่นความถี่มีความเหมาะสมกับบริเวณนั้นหรือไม่?

      • เลเซอร์ขน IPL เป็นเลเซอร์ที่มีคลื่นความถี่ 650 nm-1200 nm ให้ผลลัพธ์ยาวนานประมาณ 18-24 เดือน แต่เลเซอร์ขน IPL นี้จะต้องไปยิงซ้ำบ่อยๆเพราะรากขนยังไม่ถูกทำลายทั้งหมด
      • เลเซอร์ขน Yag เป็นเลเซอร์ที่มีคลื่นความถี่ช่วง 1064 nm สามารถกำจัดขนได้ถึง 20-30% แต่จะต้องทำทั้งหมดประมาณ 5-8 ครั้ง หรือจนกว่าขนจะถูกกำจัดออกทั้งหมดแต่ก็มีราคาค่อนข้างแพง
      • เลเซอร์ Diode หรือเรียกว่า Epilab เป็นเลเซอร์คลื่นความถี่ประมาณ 810 nm ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่นำเข้าจากประเทศเยอรมัน เนื่องจากเป็นลำแสงขนาดเล็กที่สุดจึงสามารถผ่านผิวเข้าไปได้ลึกที่สุด เหมาะสำหรับการกำจัดขนจิมิเพราะสามารถจับกับเมลานินได้ดีและยับยั้งเส้นเลือดฝอยที่เลี้ยงรากขนได้ จึงกำจัดขนได้อย่างถาวร โดยจะต้องทำต่อเนื่องประมาณ 5-6 ครั้งขึ้นไปและเว้นระยะห่างทุกๆ 1 เดือน นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวบริเวณที่ทำเลเซอร์เรียบเนียนและกระจ่างใสขึ้นด้วย
      diodee laer

      เลเซอร์ขนจิมิ เจ็บไหม

      การทำเลเซอร์ขนจิมิอาจจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย บางรายไม่รู้สึกเจ็บเลย (สามารถใช้ยาชาร่วมด้วยได้) ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ดีที่สุดจะสามารถกำจัดขนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยที่ไม่ทำลายผิวบริเวณนั้นๆ ไม่ทำให้เกิดความเจ็บปวด การไหม้ หรือการเบิร์นใดๆทั้งสิ้น อาจจะมีอาการบวมแดงเล็กน้อยหลังทำเลเซอร์ขนจิมิ ถาวรแต่จะค่อยๆหายไปเองภายใน 2-3 วัน

      เลเซอร์ขนจิมิ ต้องทำกี่ครั้งถึงเห็นผล?

      การทำเลเซอร์ขนจิมิจะต้องทำประมาณ 5-8 ครั้ง ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ต้องการทำและความหนาของเส้นขน ซึ่งต้องให้แพทย์เป็นผู้ประเมินจำนวนครั้งในการทำแต่ละเคส

      เลเซอร์ขนจิมิ ราคา เท่าไร แพงไหม?

      เลเซอร์ขนจิมิ ราคาประมาณ 1,200-5,000 บาทต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับสถานบริการและประเทศเลเซอร์ขนจิมิที่เลือกใช้ หากซื้อเป็นราคาเหมาครบคอร์สจะมีราคาถูกกว่ามาก

      เลเซอร์ขนจิมิ อยู่ได้นานไหม

      โดยปกติแล้วเลเซอร์ขนจิมิจะอยู่ได้นานประมาณ 18-24 เดือน ซึ่งเส้นขนจะหลุดร่วงและเห็นผลได้ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำและจะค่อยๆหายไป สามารถกลับมายิงซ้ำได้โดยเว้นระยะห่างทุกๆ 1 เดือน หากขนยังขึ้นอยู่

      วิธีเตรียมตัวก่อนทำเลเซอร์ขนจิมิ

      • ไม่ต้องทำการโกน ถอน หรือแว๊กซ์ขนบริเวณนั้นออก หากขนยาวจนเกินไปให้ใช้วิธีตัด หรือโกนก่อนทำเลเซอร์ประมาณ 1-2 วัน
      • หลีกเลี่ยงการทําสครับ หรือผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวเพื่อป้องกันการระคายเคืองขณะทำเลเซอร์

      วิธีดูแลน้องสาวหลังทำเลเซอร์ขนจิมิ

      • งดการโกน ถอน หรือแว๊กซ์ขนบริเวณนั้นออก ซึ่งเส้นขนจะค่อยๆหลุดร่วงไปเองช้าๆ
      • งดใช้ความร้อนทุกประเภทเพื่อลดอาการระคายเคือง หากมีอาการแสบ หรือระคายเคืองมากผิดปกติให้รีบปรึกษาแพทย์โดยทันที
      • งดการว่ายน้ำ หรือเล่นน้ำทะเล รวมทั้งการออกกำลังกายอย่างหนัก
      • หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม สารเคมี หรือแป้งเพื่อหลีกเลี่ยงอาการอักเสบ
      • พยายามใส่เสื้อผ้าที่ไม่รัดแน่นจนเกินไป ลดการเสียดสีของเสื้อผ้าและบริเวณที่ทำเลเซอร์

      เลเซอร์ขนจิมิ ที่ไหนดี

      การทำเลเซอร์ขนจิมิ เป็นการทำเลเซอร์ในส่วนที่บอบบางและต้องการความสะอาด ดังนั้นการทำเลเซอร์ขนจิมิจะต้องมีการรักษาภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสถานบริการที่มีเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัย มีความสะอาดและได้มาตรฐาน

      เลเซอร์ขนจิมิ กับ Rejuvet Clinic คลินิกที่เข้าใจผู้หญิงโดยแท้จริง

      Rejuvet Clinic เป็นคลินิกสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ ช่วยดูแลคุณผู้หญิงทุกเรื่องแบบองค์รวม ที่นี่มีเลเซอร์ขนจิมิ เลเซอร์ขนน้อง ราคาเป็นกันเอง ด้วยโนโลยีและนวัตกรรมใหม่จากประเทศเยอรมันที่เรียกว่า Epi lab (Diode Laser) ซึ่งเป็นเลเซอร์ที่ยิงได้ลึกจนถึงราก รับรองว่าเลเซอร์ขนจิมิ ถาวร เห็นผลชัดเจนและปลอดภัยอย่างแน่นอน นอกจากนี้ที่คลีนิคยังมีบริการสำหรับผู้หญิงอื่นๆอีกมากมาย สามารถติดต่อเพื่อขอคำแนะนำและปรึกษาคุณหมอได้เลย

      ลงทะเบียนรับคำปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

      ผิวแตกลาย บั้นท้ายลาย เกิดจากอะไร วิธีรักษาผิวแตกลาย เลเซอร์ ผิวแตกลาย ตัวช่วยผิวเนียนสำหรับสาวๆ

      ผิวแตกลาย บั้นท้ายลาย เกิดจากอะไร วิธีรักษาผิวแตกลาย เลเซอร์ ผิวแตกลาย ตัวช่วยผิวเนียนสำหรับสาวๆ

      ผิวแตกที่เกิดขึ้นในหน้าหนาวว่าน่ากังวลแล้ว แต่ที่น่ากังวลกว่า คือ ปัญหาผิวแตกลาย หรือ Stretch Marks ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้หญิง หรือเป็นผู้ชาย ไม่ว่าคุณจะอ้วน หรือผอม ใครๆก็มีโอกาสเกิดปัญหาผิวแตกลายได้ ปัญหาผิวแตกลายที่น่าหนักใจนี้ ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสาวๆ บางคนถึงขั้นไม่กล้าสนุกกับการแต่งตัวเพราะรู้สึกไม่มั่นใจและเขินอาย ในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับสาเหตุของการเกิดผิวแตกลาย พร้อมทั้งวิธีรักษาผิวแตกลายอย่าง เลเซอร์ ผิวแตกลาย สามารถช่วยแก้ปัญหาได้จริงหรือไม่? เรารวบรวมคำตอบมาให้แล้ว ศึกษาเพิ่มเติมได้ในบทความนี้เลย!
      เลือกอ่านหัวข้อที่ชอบ
        Add a header to begin generating the table of contents
        How to get rid of stretch marks

        ผิวแตกลาย เกิดจากอะไร?

        ปัญหาผิวแตกลายที่เราเห็นกันเป็นแนวเส้นบนผิวหนัง บางคนก็เป็นเยอะ บางคนก็เป็นน้อย นั่นก็คือ รอยแผลเป็นชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นบริเวณผิวหนัง โดยมีสาเหตุมาจากการยืดขยาย หดตัว หรือการฉีกขาดของผิวหนัง ซึ่งโดยปกติแล้วจะเกิดขึ้นในช่วงย่างเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เพราะร่างกายมีการเจริญเติบโตและมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านโครงสร้างมากกว่าวัยอื่นๆ ดังนั้นอาจจะมีการเพิ่มของน้ำหนักตัว หรือการเปลี่ยนแปลงร่างกายอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนในเพศหญิง จึงทำให้เกิดผิวแตกลายโดยที่ไม่รู้ตัว

        นอกจากนี้ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆที่ทำให้เกิดปัญหาผิวแตกลายได้ เช่น กรรมพันธุ์ ระดับฮอร์โมน การตั้งครรภ์ การยกของที่มีน้ำหนักมากๆและคนที่รับประทานยาในกลุ่มสเตียรอยด์เป็นระยะเวลานานๆ เป็นต้น ซึ่งปัจจัยโดยรวมเหล่านี้เป็นสาเหตุที่กระตุ้นให้ผิวหนังเกิดปัญหาผิวแตกลายได้

        ผิวแตกลายแดง คืออะไร? มีสาเหตุมาจากอะไร?

        ผิวแตกลายแดง คือ ผิวแตกลายในระยะเริ่มต้น เนื่องมาจากการฉีกขาดของผิวหนังแท้ที่ถูกเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของคอลลาเจนและเส้นใยอีลาสตินโดยเฉียบพลัน ซึ่งทำให้ผิวหนังเกิดเป็นรอยเส้นสีแดง สีชมพู หรือสีม่วง เมื่อผิวหนังบริเวณนั้นเกิดการซ่อมแซม สีจึงค่อยๆอ่อนลงเรื่อยๆจนเป็นสีขาว

        ผิวแตกลายขาว คืออะไร? และมีสาเหตุมาจากอะไร?

        ผิวแตกลายขาว คือ ผิวแตกลายในระยะหลัง ผิวแตกลายในระยะนี้ถือว่าเป็นรอยแผลเป็นชนิดหนึ่ง โดยมีลักษณะเป็นแนวเส้นสีขาว เป็นแนวร่องบุ๋มลงไปในผิวหนัง ซึ่งจะเกิดขึ้นหลังจากผิวแตกลายแดงในระยะแรกเริ่มจางลง
        How to get rid of stretch marks

        ผิวแตกลาย เกิดขึ้นบริเวณไหนได้บ้าง?

        อย่างที่ได้กล่าวไปว่าผิวแตกลาย ส่วนใหญ่เกิดจากการยืดขยาย หดตัว หรือการฉีกขาดของผิวหนังและมักจะเกิดขึ้นโดยเฉพาะในบริเวณที่มีไขมันสะสมอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นบริเวณหน้าท้อง บริเวณต้นขาและสะโพก บริเวณต้นแขน บริเวณน่อง หรือแม้กระทั่งบริเวณเต้านม ซึ่งบริเวณเหล่านี้จะเป็นบริเวณที่มีการขยายตัวมากในช่วงก้าวเข้าสู่วัยรุ่น จึงทำให้สาวๆหลายๆคนมีปัญหาผิวแตกลายที่น่าหนักใจมากกว่าในเพศชายนั่นเอง

        วิธีรักษาผิวแตกลาย

        จริงๆแล้ววิธีการรักษาผิวแตกลายสามารถทำได้หลายวิธี เริ่มต้นจากการรักษาด้วยตัวเอง ได้แก่ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และอุดมไปด้วยคอลลาเจนเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ส่งเสริมผิวหนังให้มีความยืดหยุ่น การขัดผิว การรักษาด้วยว่านหางจระเข้ การทาครีมบำรุงผิว เป็นต้น แต่ถ้าถามว่าผิวแตกลายจะหายทันทีเลยไหม? คำตอบคือ ไม่หายขาดแต่จะค่อยๆจางลงเท่านั้น นอกจากนี้ในปัจจุบันก็มีเทคโนโลยีใหม่ๆที่ช่วยรักษาผิวแตกลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างการฉีดคาร์บอกซี่ หรือเลเซอร์ ผิวแตกลายที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน

        เลเซอร์ ผิวแตกลาย คืออะไร?

        เลเซอร์ ผิวแตกลาย คือ การใช้เลเซอร์ที่มีพลังงานความร้อนที่เหมาะสมเพื่อกระตุ้นให้ผิวหนังมีการสร้างคอลลาเจน เสริมสร้างความยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง รวมทั้งเลเซอร์ที่ทำลายเส้นเลือด (ในกรณีที่ผิวแตกลายแดง) เพื่อลดเลือนปัญหาผิวแตกลายให้จางลงตั้งแต่แรกเริ่ม ซึ่งเลเซอร์ ผิวแตกลายชนิดต่างๆจะมีราคาที่ค่อนข้างสูงและจำเป็นที่จะต้องเข้ารับการรักษาหลายครั้งและต้องทำอย่างต่อเนื่อง หรือจนกว่าจะพึงพอใจในผลลัพธ์

        เลเซอร์ ผิวแตกลาย ช่วยแก้ปัญหาผิวแตกลายได้จริงหรือไม่?

        เลเซอร์ ผิวแตกลาย สามารถช่วยแก้ปัญหาผิวแตกลายได้จริง แต่อย่างที่ได้บอกไปว่าจำเป็นที่จะต้องเข้ารับการรักษาหลายครั้งและต้องมีการทำอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอเพื่อให้เห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน ประมาณ 3-5 ครั้งขึ้นไปและจะต้องรักษาห่างกันครั้งละ 2 สัปดาห์ โดยค่าใช้จ่ายในแต่ละครั้งก็ไม่ใช่เล่นๆ แต่ก็เห็นผลได้จริงและสามารถทำจนกว่าจะพึงพอใจในผลลัพธ์

        สรุปเรื่องผิวแตกลาย

        อาจจะเป็นความจริงที่ปัญหาผิวแตกลายไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผิวแตกลายสีขาวที่เป็นรอยแผลเป็นถาวร การรักษาต่างๆจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ นอกเหนือจากการดูแลรักษาตัวเองร่วมด้วยแล้ว เพราะการรักษาไม่ว่าจะเป็นเลเซอร์ ผิวแตกลาย หรือการทำทรีทเม้นต์ต่างๆก็มีส่วนช่วยให้ผิวหนังได้รับการปรนนิบัติและซ่อมแซมผิวหนังในบริเวณนั้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเข้ารับบริการจากสถานพยาบาล หรือคลินิกที่มีมาตรฐานและมีความเชื่อถือได้ เพราะจะเป็นส่วนช่วยให้คุณได้รับการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพปัญหาและสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล ยิงได้รับคำแนะนำจากแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้วยแล้ว รับรองว่าปัญหาที่น่าหนักใจของคุณได้รับการคลี่คลายอย่างแน่นอน

        ลงทะเบียนรับคำปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

        ภาวะ เสื่อมสมรรถภาพ เพศชาย สาเหตุ อาการ แนวทางแก้ไข (ED)

        ภาวะ เสื่อมสมรรถภาพ เพศชาย สาเหตุ อาการ แนวทางแก้ไข (ED)

        ภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศของผู้ชายมักจะเกิดขึ้นโดยที่ผู้ชายแทบจะไม่รู้ตัวเลย แต่เมื่อเกิดอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศขึ้นแล้ว อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตรัก ชีวิตประจำวันและความมั่นใจส่วนบุคคลได้ หากคุณมีอาการและสามารถสังเกตตัวเองได้ทัน อย่าอาย! รีบขอคำแนะนำจากแพทย์เพื่อรับการตรวจและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องเสื่อมสมรรถภาพ อาการ Erectile dysfunction (ED) คืออะไร? เสื่อมสมรรถภาพ เพศชาย สาเหตุมาจากอะไรบ้าง? พร้อมเช็คลิสต์ดูอาการตัวเองและวิธีการรักษา ศึกษาเพิ่มเติมได้ในบทความนี้เลย!
        เลือกอ่านหัวข้อที่ชอบ
          Add a header to begin generating the table of contents
          Erectile dysfunction - ED

          ภาวะเสื่อมสมรรถภาพ เพศชาย Erectile dysfunction (ED) คืออะไร?

          ภาวะเสื่อมสมรรถภาพ เพศชาย Erectile dysfunction (ED) คือ ภาวะผิดปกติที่เกิดขึ้นกับอวัยวะเพศชาย ซึ่งไม่แข็งตัว หรือไม่สามารถแข็งตัวได้เพียงพอ หรือมีการแข็งตัวแต่ไม่นานพอที่จะร่วมเพศได้สำเร็จ รวมทั้งอาการหลั่งเร็วและหลั่งไว ตามกลไกของธรรมชาติแล้ว การแข็งตัวของอวัยวะเพศจะต้องมีสิ่งเร้าทางเพศมากระตุ้นให้สมองหลั่งสารสื่อประสาท ส่วนอวัยวะเพศจะหลั่งสารไนตริกออกไซด์ เพื่อกระตุ้นให้เส้นเลือดแดงในอวัยวะเพศชายขยายตัวขึ้น เมื่อเลือดไหลเวียนเข้าไปยังเนื้อเยื่อบริเวณอวัยวะเพศชายแล้ว เนื้อเยื่อจะไปกดทับเส้นเลือดดำและกักเก็บเลือดเอาไว้ในอวัยวะเพศ อวัยวะเพศจึงเกิดการแข็งตัวและขยายตัวได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นผู้ที่ประสบพบเจอกับปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศจึงทำให้วิธีถีการดำรงชีวิตเปลี่ยนแปลงไปและมีปัญหาทางด้านร่างกายและจิตใจตามมาในภายหลังด้วย

          ภาวะเสื่อมสมรรถภาพเพศชาย มีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง?

          โรคเสื่อมสมรรถภาพ เพศชาย สาเหตุเกิดจาก 3 สาเหตุใหญ่ ๆ ได้แก่

          • เส้นเลือดและระบบประสาท
            นับว่าเป็นสาเหตุหลักของการเกิดเสื่อมสมรรถภาพทางเพศของท่านชายมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น
            – เส้นเลือดแดงอุดตัน ทำให้เลือดเข้าไปไหลเวียนในอวัยวะเพศได้ไม่เพียงพอ
            – เกิดความผิดปกติของเนื้อเยื่อในการการกดทับเส้นเลือดดำ ทำให้ไม่สามารถกักเก็บเลือดไว้ในอวัยวะเพศได้
            – ความผิดปกติของเส้นเลือดแดงและความผิดปกติของกลไกในการการกดทับเส้นเลือดดำ
            – นอกจากนี้ อาจจะเกิดความผิดปกติของเส้นเลือดและระบบประสาทอื่นที่เกี่ยวข้องได้ด้วย เช่น ความผิดปกติของสมอง ไขสันหลัง เส้นประสาทและการหลั่งสารสื่อประสาทต่าง ๆ เป็นต้น
          • ฮอร์โมน
            เป็นความผิดปกติของการหลั่งฮอร์โมนเพศชายในปริมาณที่น้อยลง หรือเรียกว่า “ภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย” ทำให้หมดความรู้สึกทางเพศ ความต้องการทางเพศลดลง อวัยวะเพศแข็งตัวได้น้อยลง หรือไม่แข็งตัวเลย พร้อมกับความรู้สึกอ่อนเพลีย ไร้เรี่ยวแรง หรือหมดไฟ เป็นต้น
          • สภาพจิตใจ
            เป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุหลักที่ทำให้หลายคนตกอยู่ในภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ อย่างเช่นในรายผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้า โรคจิตเภท มีความเครียดสะสม หรือวิตกกังวล

          ลองเช็คดู! อาการที่บ่งบอกว่าคุณกำลังมีภาวะเสื่อมสมรรถภาพเพศชาย

          ภาวะเสื่อมสมรรถภาพ เพศชาย ไม่ว่าจะเป็นการที่องคชาติแข็งตัวได้ไม่เต็มที่ หรือไม่แข็งพอที่จะทำให้การร่วมเพศสำเร็จ ถึงแม้ว่าจะเคยแข็งตัวดีและร่วมเพศได้มาก่อน บางรายอาจจะรู้สึกว่ามีพละกำลังลดน้อยถอยลง รู้สึกอ่อนเพลีย หรือเหนื่อยง่าย เนื่องจากมวลกล้ามเนื้อและความแข็งแกร่งลดน้อยลง รวมทั้งความต้องการทางเพศน้อยลงด้วย สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าคุณอาจมีความเสี่ยงของภาวะ เสื่อมสมรรถภาพ อาการ Erectile dysfunction (ED) ร่วมกับการมีปัญหาเรื่องความแข็งตัวขององคชาติ เราสามารถเช็คด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ ตามระดับความรุนแรงของโรค ดังนี้

          • ระดับ 1
            ความรุนแรงเล็กน้อย: ยังสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้สำเร็จเกือบทุกครั้ง
          • ระดับ 2
            ความรุนแรงปานกลาง: สามารถมีเพศสัมพันธ์สำเร็จได้บ้าง นับเป็นจำนวนประมาณครึ่งหนึ่งของการร่วมเพศทั้งหมด
          • ระดับ 3
            ความรุนแรงมาก: ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้เลย หรือล้มเหลวทุกครั้ง
          Erectile dysfunction - ED

          แนวทางและวิธีการรักษาภาวะ เสื่อมสมรรถภาพ อาการ Erectile dysfunction (ED)

          • รักษาด้วยวิธีการใช้ยา
            จำพวกกลุ่ม PDE-5 Inhibitor เช่น ไวอากร้า กระตุ้นก่อนการมีเพศสัมพันธ์
          • การใช้กระบอกสูญญากาศ
            ครอบที่อวัยวะเพศเพื่อกระตุ้นให้เลือดเข้าไปหล่อเลี้ยงที่อวัยวะเพศจนแข็งตัวได้ดี อาจใช้ยางรัดร่วมด้วย เพื่อไม่ให้เลือดไหลเวียนออกจนอวัยวะเพศอ่อนตัวลงได้
          • การใช้ Shockwave therapy
            หรือคลื่นเสียงความถี่ต่ำกระแทกในเนื้อเยื่อของอวัยวะเพศอย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์ ติดต่อกัน 5 สัปดาห์ เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเส้นเลือดบริเวณอวัยวะเพศชายขึ้นมาใหม่แทนเซลล์เดิม ช่วยให้กลไกการแข็งตัวขององคชาติทำงานได้ดีขึ้น นิยมใช้ในผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ หรือผู้ที่ตอบสนองต่อการการใช้ยาแต่ต้องการหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงจากการใช้ยา
          • รักษาด้วยวิธีการฉีดยา
            จำพวกกลุ่ม Prostaglandin E1 (ภายใต้การดูแลของแพทย์) เข้าไปในอวัยวะเพศโดยตรง ช่วยกระตุ้นให้เอาอวัยวะเพศแข็งตัวได้นานมากขึ้น
          • รักษาด้วยวิธีการผ่าตัด
            ใส่แกนอวัยวะเพศเทียม นิยมรักษาในผู้ป่วยที่รักษาด้วยวิธีการอื่น ๆ แล้วไม่ได้ผล

          สรุปภาวะ เสื่อมสมรรถภาพ เพศชาย ไม่ใช่เรื่องไกลตัว!

          ผู้ป่วยที่ประสบปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ไม่ว่าระดับความรุนแรงนั้นจะมาก หรือน้อยขนาดไหนก็อย่ามองข้าม หากสำรวจตัวเองแล้วมีอาการที่บ่งชี้ถึงความเสี่ยง ควรเข้ารับการตรวจเช็คเพื่อรับการวินิจฉัยและขอรับการรักษาที่เหมาะสม เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงของโรคอื่น ๆ ที่อาจตามมาในภายหลังได้ โดยเฉพาะปัญหาเรื่องความมั่นใจในตัวเอง ปัญหาทางด้านจิตใจและการใช้ชีวิตประจำวัน กลับมาทำให้ชีวิตรักมีความสุขอีกครั้งกันดีกว่า รับนัดปรึกษาคุณหมอเลย ไม่ต้องเขินอาย!

          ลงทะเบียนรับคำปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย