Venus viva คืออะไร รักษาหลุมสิวด้วย Venus viva ราคาเท่าไร พร้อมดูรีวิว Venus viva

Venus viva คืออะไร รักษาหลุมสิวด้วย Venus viva ราคาเท่าไร พร้อมดูรีวิว Venus viva

ในปัจจุบัน ใครๆต่างก็ให้คุณค่าในเรื่องความสวยความงามของรูปร่าง ผิวพรรณและทรงผม แน่นอนว่าสาวๆคงจะไม่มองข้ามความสวยงามของใบหน้า ซึ่งเป็นจุดแรกที่จะสร้างความประทับใจให้กับผู้พบเห็น จริงๆแล้วก็มีหลายเทคโนโลยีที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาในเรื่องเหล่านี้ได้ ในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ Laser Venus viva คืออะไร? ประโยชน์? เจ็บไหม? ปลอดภัยหรือไม่? ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล? Venus viva ราคาเท่าไหร่ เราสรุปรายละเอียดมาให้คุณที่นี่แล้ว ศึกษาเพิ่มเติมได้เลย!
เลือกอ่านหัวข้อที่ชอบ
    Add a header to begin generating the table of contents
    venus viva

    Venus viva คืออะไร?

    Venus viva คือ เทคโนโลยี Ablative Nano Fractional RF with Smart and Scan หรือคลื่นวิทยุที่ถูกยิงผ่านเข็มหมุดกว่า 160 เล่ม ด้วยความเร็วเข็มละ 62mj จึงทำให้เกิดรอยเพียงขนาดเล็กๆเท่านั้น นิยมใช้การรักษารอยหลุมสิว ลดเลือนริ้วรอยและกระชับรูขุมขน ช่วยปรับผิวหน้าให้เรียบเนียนสม่ำเสมอ ด้วยหลักการทำงานง่ายๆคือ การยิงเลเซอร์ หรือพลังงานความร้อนเข้าไปในชั้นผิวหนังแท้เพื่อให้ผิวหนังได้สะสมอุณหภูมิความร้อนที่เหมาะสมต่อการผลิตของคอลลาเจน เส้นใยอีลาสตินและและเสริมสร้างไฟโบรบลาสให้เนื้อเยื่อในผิวมีการสอดประสานอย่างแน่นหนา ช่วยให้การจัดโครงสร้างใบหน้าดียิ่งขึ้นโดยที่ไม่ต้องทำการผ่าตัด หรือใช้เวลาพักฟื้นนานๆ แถมยังเห็นผลชัดเจนได้ในทันทีอีกด้วย

    Venus viva แก้ปัญหาเรื่องใดได้บ้าง?

    1. ช่วยลดเลือนรอยหลุมสิว รอยแผลเป็นจากสิว เพื่อผิวกระจ่างใส ดูสุขภาพดี
    2. ช่วยลดขนาดรูขุมขนให้กระชับ รูขุมขนเล็กลง เพื่อผิวที่เรียบเนียน
    3. ช่วยลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย ริ้วรอยร่องลึกให้แลดูอ่อนเยาว์และอิ่มเอิบ
    4. ช่วยลดเลือนเม็ดสีเมลานิน ฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยด่างดำ พร้อมปรับสีผิวให้ดูกระจ่างใสสม่ำเสมอ
    5. ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยอย่างอ่อนโยน ให้ผิวตึงกระชับดูอ่อนกว่าวัย โดยเฉพาะความหย่อนคล้อยบริเวณลำคอที่ทำให้ดูแก่กว่าวัย
    6. ช่วยในการรักษารอยแผลเป็น ลบเลือนรอยแผลเป็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    7. ฟื้นฟูสภาพผิวให้สดใสดุจดั่งวัยแรกแย้ม พร้อมเผยผิวใสดูสุขภาพดีได้ไม่ยาก
    8. ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน เส้นใยอิลาสตินและเส้นใยไฟโบรกลาสใต้ชั้นผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    venus viva laser รักษาหลุมสิว ทำงานอย่างไร?

    laser venus viva ทำงานด้วยเทคโนโลยี Ablative Nano Fractional RF ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่มีการทำความร้อนสูงสุด ในอุณหภูมิที่เหมาะสมที่ดีที่สุด โดยมีขนาดของเลเซอร์สำหรับการเจาะที่ใหญ่ที่สุดของ RF และเจาะได้ลึกถึง 500 ไมครอน แสดงว่าเลเซอร์จะสามารถส่งความร้อนเข้าไปได้อย่างตรงจุดในบริเวณกว้างและเข้าไปในระดับลึกจนถึงชั้นผิวหนังแท้ ซึ่งเป็นชั้นที่เกิดการสร้าง Collagen และเส้นใยต่างๆ   

     

    นอกจากนี้ยังมีการใช้งานร่วมกับเทคโนโลยีปลายเข็ม Smart and Scan ที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ USFDA และประเทศไทย ที่มีจังหวะในการให้ความร้อนสูงถึง 1,000 ครั้ง ด้วยจำนวน 160 เข็ม รอบเข็มที่เล็กกว่า 150*20 ไมครอนและความเร็วเข็มละ 62mj จึงทำให้เกิดความเจ็บปวดได้น้อยมาก ไม่ทิ้งรอยแผลเป็น หากมีสะเก็ดเกิดขึ้นก็จะหายไปเองประมาณ 2-3 วัน รวมทั้งสามารถช่วยเรื่องรักษาหลุมสิวและลดเลือนริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    venus viva

    Venus viva laser เจ็บไหม ปลอดภัยหรือไม่?

    การทำ laser venus viva อาจมีอาการเจ็บเล็กน้อยในขณะที่เลเซอร์ยิงลงบนผิวหนัง ในผู้ป่วยบางรายก็ไม่รู้สึกเจ็บเลย อย่างที่ได้กล่าวไปว่าสามารถส่งความร้อนและพลังงานได้เยอะแต่รอบเข็มเล็กมากจึงทำให้ฟื้นฟูสภาพได้เร็วและเจ็บปวดน้อยมากโดยที่ไม่ต้องทำการผ่าตัด หรือพักฟื้นเลย

    ส่วนความปลอดภัยสามารถการันตีได้จากการรับรองขององค์การอาหารและยาในต่างประเทศและประเทศไทย ดังนั้นจึงมีความปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายใดๆต่อผิวหน้า

    ต้องทำ laser venus viva กี่ครั้งถึงจะเห็นผล?

    การรักษาด้วย Venus viva โดยปกติแล้วแพทย์จะแนะนำให้ทำอย่างต่อเนื่อง ประมาณ 3-5 ครั้งขึ้นไป ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาผิวหน้าของแต่ละเคส โดยแต่ละครั้งจะใช้เวลารักษาประมาณ 30 นาทีและเว้นระยะห่างทุกๆ 1 เดือน ซึ่งจะสามารถเห็นผลได้โดยชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกและเห็นผลดีขึ้นเรื่อยๆทุกครั้งที่ทำ
    female homone

    Venus viva ราคาเท่าไหร่?

    laser venus viva ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 10,000-15,000 บาทต่อครั้ง (ทั่วใบหน้า) สำหรับการรักษารูขุมขนกว้างและรอยหลุมสิว ทั้งนี้ทั้งนั้นขอแนะนำให้ทำการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินปัญหาผิวหน้า สภาพผิวและจำนวนครั้งที่จะต้องทำเพื่อการรักษาที่เหมาะสมกับตัวคุณเอง

    วิธีดูแลตัวเองหลังทำ Laser venus viva

    1. งดการล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าหลังจากทำ venus viva ให้ใช้น้ำเกลือที่ทางคลินิกเตรียมไว้ให้ในการเช็ดหน้าแทน
    2. ไม่ประคบเย็นเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายเกิดกระบวนการซ่อมแซมตามธรรมชาติ
    3. ไม่แต่งหน้าหลังจากการทำ venus viva สามารถแต่งหน้าได้หลังจากรักษาไปแล้ว 24 ชั่วโมง
    4. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักหนักประมาณ 2-3 วัน
    5. หลีกเลี่ยงแสงแดด หรือการทาครีมกันแดดที่มีน้ำหอม หรือแอลกอฮอล์ หากมีความจำเป็นที่จะต้องโดนแสงแดดให้ทาครีมกันแดดที่มี SPF 50 ขึ้นไป

    สรุป Laser venus viva

    การรักษาหลุมสิวด้วย Laser venus viva หากต้องการเห็นผลที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพ ขอแนะนำให้คุณเลือกทำการปรึกษาและรักษากับคุณหมอที่มีประสบการณ์เพราะจะได้ช่วยวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับสภาพผิวหน้า ปัญหาและจำนวนครั้งที่ต้องทำให้เหมาะสมกับตัวคุณเอง ซึ่งจะมีประโยชน์มากในการลดเลือนริ้วรอย การลดเลือนรอยหลุมสิว การกระชับรูขุมขน ให้ผิวหน้าดูอิ่ม เรียบเนียนกระจ่างใสและดูเด็กกว่าวัย แถมยังได้ประสิทธิภาพดีและไม่ต้องเจ็บตัวเป็นเวลานานๆอีกด้วย นอกจากนี้การดูรีวิวหลังจากการรักษาของแต่ละคลินิกก็สามารถช่วยคุณตัดสินใจได้

    ลงทะเบียนรับคำปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

    โปรเจสเตอโรน คืออะไร โปรเจสเตอโรน ผลข้างเคียง อย่างไรบ้าง

    โปรเจสเตอโรนคืออะไร? โปรเจสเตอโรน ผลข้างเคียง อย่างไรบ้าง สำคัญต่อผู้หญิงอย่างไร?

    ในผู้หญิงเราฮอร์โมนนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายแล้ว ฮอร์โมเพศยังส่งผลต่อทั้งอารมณ์ รูปร่าง น้ำหนัก หรือผิวพรรณของผู้หญิงเราอีกด้วย ซึ่งฮอร์โมนเพศหญิงที่สำคัญต่อร่างกายเรา นั่นคือ เอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ซึ่งฮอร์โมนทั้งสองชนิดนี้จะมีความจำเป็นและสำคัญต่อผู้หญิงเราอย่างไรบ้างนั้นเรามีคำตอบมาให้คุณ
    เลือกอ่านหัวข้อที่ชอบ
      Add a header to begin generating the table of contents

      ลงทะเบียนฟรี ตรวจฮอร์โมนราคาพิเศษ พร้อมปรึกษาฟรี

       decoding

      ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนคืออะไร?

      โปรเจสเตอโรน (Progesterone) คือ ฮอร์โมนเพศที่จัดอยู่ในกลุ่มของสารเตียรอยด์ โดยชื่อฮอร์โมนนี้มาจากคำว่า pro–gestation ซึ่งหมายความว่าการสนับสนุนการตั้งครรภ์ ดังนั้นหากให้ตีความจากความหมายคุณผู้อ่านน่าจะเข้าใจมากขึ้นใช่ไหมคะว่า หากคุณผู้หญิงที่ไม่มีฮอร์โมนชนิดนี้ก็ไม่สามารถมีบุตรได้นั่นเอง
      ทั้งนี้การสังเคราะห์ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนในร่างกายของมนุษย์นั้นสามารถทำได้ผ่านอวัยวะหลายชนิด ได้แก่ รังไข่ รก ต่อมอะดรินัล คอร์เทกซ์ และอัณฑะนั่นเองค่ะ

      ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนและเอสโตรเจนคืออะไร แตกต่างกันอย่างไร?

      ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน คือ ฮอร์โมนเพศหญิงชนิดหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายของผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็น การมีประจำเดือน การตั้งครรภ์ เป็นต้น ซึ่งฮอร์โมนเอสโตรเจนเองก็มีความสำคัญเช่นเดียวกับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน เนื่องจากฮอร์โมนทั้งสองชนิดนี้ทำงานร่วมกันในการแสดงออกความเป็นผู้หญิง โดยที่ฮอร์โมนเอสโตรเจนจะเป็นตัวที่กระตุ้นการเจริญเติบโตทางโครงสร้างของผู้หญิง เช่น สะโพกผาย หน้าอกขยาย เป็นต้น

      ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน หน้าที่มีอะไรบ้าง?

      ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน หน้าที่ที่มากมายหลากหลายในร่างกายของเรา อย่างที่ได้เกริ่นไปก่อนหน้าแล้วว่าฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนนั้นมีความสำคัญต่อการตั้งครรภ์เป็นอย่างมาก ซึ่งหากขาดฮอร์โมนชนิดนี้การตั้งครรภ์ก็ล้มเหลวเช่นเดียวกัน และนอกจากจะเป็นฮอร์โมนสำคัญในการตั้งครรภ์แล้ว โปรเจสเตอโรนยังทำหน้าที่อื่นร่วมด้วย ได้แก่

      • การสร้างความพร้อมให้กับเยื่อบุมดลูก เพื่อเตรียมความพร้อมในการมีบุตร
      • เพิ่มความเหนียวที่บริเวณปากมดลูก เมื่อมีนการปฏิสนธิของอสุจิและไข่เรียบร้อยแล้ว
      • ป้องกันการหดตัวของมดลูกในระหว่างที่มีการตั้งครรภ์
      • ทำงานร่วมกับเอสโทรเจนในส่วนของขนาดเต้านมและปริมาณน้ำนม
      • ส่งเสริมการทำงานของฮอร์โมนอินซูลิน ทัง้นี้เพื่อเพิ่มการสะสมของปริมาณไกลโคเจน
      • เพิ่มอุณหภูมิภายในร่างกายของสิ่งมีชีวิต

      ผู้อ่านจะเห็นได้ว่าหน้าที่หลักของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนจะเกี่ยวข้องกับกระบวนการตั้งครรภ์ทั้งสิ้น แล้วเคยสงสัยไหมคะว่าเราจะเพิ่มปริมาณฮอร์โมนเหล่านี้ได้อย่างไร?

      homone checkup woman

      ผลข้างเคียงหรืออาการ เมื่อมีฮอร์โมน โปรเจสเตอโรน มากเกินไปหรือน้อยเกินไป

      แน่นอนว่ามันไม่มี่อะไรดีหรอกหากคุณมีมันมากหรือน้อยจนเกินไป ง่ายๆ เลยค่ะ หากคุณมีปริมาณที่น้อยจนเกินของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ผลข้างเคียงก็คือการทำงานของฮอร์โมนชนิดนี้จะไม่ได้ประสิทธิภาพเท่าที่ควร โดยการทำงานที่ว่านี้ก็เป็นไปตามหน้าที่ที่เราได้ลิสต์ไว้ให้คุณแล้วในข้างต้น ยกตัวอย่างเช่น การสร้างความพร้อมของเยื่อบุมดลูกอาจเกิดขึ้นได้ช้าหรือแทบไม่เกิดขึ้นเลย เป็นต้น

      และในทางกลับกันหากร่างกายเรามีปริมาณโพรเจสเตอโรนมากจนเกินไป สิ่งแรกก็คืออาการหงุดหงิด โมโหง่าย หรือบางคนอาจนำไปสู่ภาวะของโรคซึมเศร้าก็เป็นได้ เรียกอาการเหล่านี้ว่า PMS (Premenstrual syndrome) และนอกจากภาวะทางอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วแล้ว ยังมีอาการที่แสดงออกทางร่างกายได้อีกด้วย เช่น อาการเจ็บหน้าอก หน้าอกขยาย และท้องอืด เป็นต้น

      เราสามารถพบฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนอยู่ในอาหารประเภทใดบ้าง?

      ทุกวันนี้การเพิ่มปริมาณฮอรโมนโปรเจสเตอโรนให้กับร่างกายสำหรับการเตรียมความพร้อมในการตั้งครรภ์นั้นมีหลากหลาย ซึ่งในเชิงการแพทย์สามารถทำได้หลากหลายแบบ ได้แก่ การทานยาปรับฮอร์โมน หรือการฉีดฮอร์โมนเพิ่มเข้าไปในร่างกาย แต่ทว่าระหว่างการรับฮอร์โมนสังเคราะห์และฮอร์โมนแบบธรรมชาติแบบไหนล่ะที่ดีกว่ากัน? มันจะดีกว่าหรือไม่ที่คุณสามารถเพิ่มปริมาณฮอร์โมนเพจากการเลือกรับประทานอาหารให้ถูกประเภทตามความต้องการของคุณเอง?

      แน่นอนอยู่แล้วค่ะว่าคำตอบของคุณผู้อ่านส่วนใหญ่คงจะเป็นการรับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเข้าร่างกายอน่างทีเป็นไปตามธรรรมชาติ ซึ่งเราสามารถทำได้เองง่ายๆ ที่บ้านด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่มีปริมาณโปรเจสเตอโรนมากนั่นเอง ซึ่งจากการวิสจนัยคุณค่าทางอาหารพบว่ามีผักและผลไม้หลายประเภทที่มีปริมาณโปรเจสเตอโรนเพียงพอที่เราจะบริโภคได้ในการเตรียมความพร้อมที่จะตั้งครรภ์ ได้แก่ ถั่วลันเตา บร็อคโคลี่ กะหล่ำปลี ดอกกะหล่ำปลี เคล ถั่วประเภทต่าง ๆ ฟักทอง ผักโขม ธัญพืช เป็นต้น

      female homone

      ตรวจเชคฮอร์โมน เพื่อรับการปรับสมดุลฮอร์โมน

      ในการตรวจเช็คปปริมาณฮอรโมนเพศในร่างกายสามารถทำได้ด้วยวิธีการตรวจเลือด โดยคุณสามารถแจ้งกับทางห้องแลปหรือโรงพยาบาลได้ว่าต้องการที่จะทราบค่าปริมาณฮอร์โมนเพศที่มีอยู่ในร่างกายได้ และแน่นอนว่าการตรวจระดับฮอร์โมนเพศในร่างกายไม่ได้มีไว้สำหรับว่าที่คุณแม่เท่านั้น แต่มันสามารถใช้ได้กับผู้หญิงทุกคน เพื่อการปรับสมดุลให้กับร่างกายเรานั่นเอง

      ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน คือ ฮอร์โมนเพศที่มีความสำคัญต่อมนุษย์เราเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างหญิงในเพศหญิง เนื่องจากฮอร์โมนชนิดนี้ช่วยส่งเสริมการตั้งครรภ์ในสตรี ดังนั้นหากคุณต้องการที่จะมีบุตรเราแนะนำว่าคุณควรที่จะตรวจสอบระดับฮอร์โมนเพื่อความพร้อมในร่างกายของคุณนั่นเอง

      ลงทะเบียนรับคำปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

      วิตามินดี วิตามินที่สำคัญสำหรับสาวๆ อาการขาดวิตามินดีเป็นอย่างไร สาวๆต้องรู้ไว้

      วิตามินดี วิตามินสำคัญสำหรับสาวๆ อาการขาดวิตามินดีเป็นอย่างไร

      กระแสสุขภาพกำลังมาแรงในโลกปัจจุบัน ใครๆก็ซื้อวิตามินเสริมรับประทานกันทั้งนั้นแต่รู้ไหมว่าวิตามินอีกหนึ่งวิตามินที่มีความสำคัญต่อร่างกาย นั่นก็คือ วิตามินดี ส่วนมากเราไม่ค่อยจะเห็นวิตามินดีในรูปแบบอาหารเสริมกันสักเท่าไหร่ ในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับวิตามินดีเพิ่มกันอีกสักเล็กน้อย มาดูกันว่าวิตามินดี ดียังไง? วิตามินดี หาได้จากที่ไหน? อาการขาด วิตามินดีเป็นยังไง? วิตามินดี ราคาเท่าไหร่? แล้ววิตามินดีสำคัญกับสุขภาพของผู้หญิงอย่างไร? ไปดูพร้อมๆกันเลย!
      เลือกอ่านหัวข้อที่ชอบ
        Add a header to begin generating the table of contents

        ลงทะเบียนฟรี ตรวจฮอร์โมนราคาพิเศษ พร้อมปรึกษาฟรี

        vitamin d

        ประโยชน์ของวิตามินดี

        วิตามินดี เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน โดยมีหน้าที่หลักที่เรารู้จักกันดีคือ หน้าที่ในการช่วยดูดซึมแคลเซียม ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง พร้อมทั้งป้องกันโรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) และกระดูกบาง (Osteopenia) รวมทั้งดูดซึมฟอสฟอรัสเพื่อช่วยรักษาระดับแร่ธาตุในเลือด นอกจากนี้ยังมีโครงสร้างคล้ายกับฮอร์โมนเพศ จึงกล่าวได้ว่ามีบทบาทสำคัญต่อกระบวนการต่างๆในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการยับยั้งฮอร์โมนพาราไทรอยด์ ต้นเหตุของการสูญเสียแคลเซียมในกระดูก การเพิ่มระดับฮอร์โมนอินซูลินเพื่อปรับระดับน้ำตาลในเลือด ไม่ให้เป็นโรคเบาหวานและยังมีความต่อเนื่องไปจนถึงโรคความดันโลหิตสูงและโรคหลอดเลือดหัวใจตีบอีกด้วย แถมยังช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายในการกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย เช่น เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย หรือเซลล์มะเร็ง เป็นต้น เรียกได้ว่า วิตามินดี มีประโยชน์และมีบทบาทสำคัญต่อร่างกายเกือบทุกระบบเลยก็ว่าได้

        วิตามินดี หาได้จากไหน?

        วิตามินดี เป็นวิตามินที่ร่างกายสามารถสังเคราะห์ขึ้นได้เองใต้ชั้นผิวหนัง โดยได้รับการกระตุ้นจากรังสี UVB ในแสงแดดอ่อนๆตอนเช้า หรือตอนเย็น นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราจึงควรออกมารับแสงแดดอ่อนๆกันบ้าง นอกจากนี้เรายังสามารถเพิ่มวิตามินดีให้กับร่างกายได้ด้วยการรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินดีสูง อย่างเช่น ปลาที่มีไขมันสูง พวกปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาดีน ปลาทู ถั่ว ธัญพืช ไข่ ผลิตภัณฑ์จากนมและชีส เป็นต้น ในปัจจุบัน มีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีส่วนประกอบของวิตามินดี ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อการรักษาระดับวิตามินดีในร่างกายได้เช่นเดียวกัน

        อาการขาด วิตามินดี เมื่อวิตามินดีในร่างกายไม่พอ สิ่งที่ตามมาคือ

        เราจะเรียกอาการ ขาดวิตามินดีว่า “ภาวะพร่อง (Vitamin D insufficiency) หรือภาวะขาดวิตามินดี (Vitamin D deficiency)” มักจะพบมากในคนที่อยู่ในเมืองมากกว่าคนที่อยู่ในพื้นที่ชนบทเนื่องจากพฤติกรรมการดำเนินชีวิตนั่นเอง โดยปกติแล้วระดับวิตามินดีในเลือดจะมีค่ามากกว่า 30 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตรแต่ถ้าหากมีภาวะพร่อง หรือภาวะขาดวิตามินดีจะมีระดับวิตามินดีน้อยกว่าระดับปกติข้างต้น ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพในหลายๆด้าน อาทิเช่น

        1. การขาดวิตามินดีเป็นระยะเวลานานๆ จะทำให้การดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสลดลง เกิดโรคเกี่ยวกับกระดูก ไม่ว่าจะเป็นโรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) โรคกระดูกบาง (Osteopenia) โรคกระดูกน่วม (Osteomalacia) โรคกระดูกอ่อนในเด็ก (Rickets) เป็นความเสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้ม ซึ่งอาจทำให้กระดูกหัก หรือไม่สามารถเคลื่อนไหวตัวได้
        2. ภูมิคุ้มกันต่ำลงและอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการมีระดับแคลเซียมและฟอสฟอรัสในเลือดต่ำ
        3. มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งเกิดจากการหลั่งฮอร์โมนอินซูลินที่ไม่เพียงพอและอาจมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันโลหิตสูงและโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้
        4. อาจทำให้เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Muscle weakness)
        Menopause

        ผู้หญิงกับวิตามินดี เกี่ยวข้องกันอย่างไร?

        จากผลการศึกษาพบว่า เพศหญิงมีโอกาสเป็นโรคเกี่ยวกับกระดูกได้มากกว่าเพศชาย โดยเฉพาะผู้หญิงในวัยสูงอายุ ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ วิตามินดียังมีโครงสร้างคล้ายกับฮอร์โมนเพศ ซึ่งมีส่วนในกระบวนการทำงานต่างๆในร่างกาย ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ช่วยชะลอวัยให้ผิวพรรณดูเต่งตึง สวยงาม รวมไปจนถึงการช่วยลดความเครียดและภาวะซึมเศร้าได้ โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีอาการวัยทอง ซึ่งเรารู้กันดีว่า ในวัยนี้ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายกำลังมีการเปลี่ยนแปลง ผู้หญิงที่มีอาการวัยทองจึงมักมีอารมณ์เปลี่ยนแปลงฉับพลัน อารมณ์แปรปรวนง่าย หงุดหงิด ฉุนเฉียว ร้อนๆหนาวๆ หลงๆลืมๆ เจ้าวิตามินดีนี่แหละที่จะช่วยให้ผู้หญิงช่วยรักษาสมดุลของฮอร์โมนในร่างกายได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายที่ได้รับการตรวจฮอร์โมนจะช่วยให้ทราบได้ว่าร่างกายของเรามีความสมดุลหรือไม่

        ฉีดวิตามินดี ราคา เท่าไร แบบกิน หรือฉีดดีกว่ากัน?

        วิตามินดี ราคาเท่าไหร่? แบบกิน หรือแบบฉีดดีกว่ากัน? ขึ้นอยู่กับว่าความต้องการของร่างกายเราเป็นแบบไหนมากกว่าแต่ทางที่ดีที่สุดขอแนะนำให้ทำการปรึกษาแพทย์สำหรับตรวจวัดระดับวิตามินดีในเลือด ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานวิตามินดีเสริม หรือการฉีดวิตามินดีย่อมขึ้นอยู่กับปริมาณวิตามินดีในร่างกาย หากเราได้รับวิตามินดีมากเกินความต้องการ อาจจะเกิดโทษมากกว่าเกิดประโยชน์ก็เป็นได้ โดยปกติแล้วปริมาณวิตามินดีที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวันจะอยู่ที่ 600-800 IU เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและมีภูมิต้านทานนั่นเองค่ะ

        เติม Vitamin D เพื่อฟื้นฟูการทำงานของฮอร์โมนเพศหญิงให้สมบูรณ์ขึ้น

        อย่างที่เราได้ทราบประโยชน์ของวิตามินดีกันไปเรียบร้อยแล้ว การเติมวิตามินดีจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับการฟื้นฟูการทำงานของฮอร์โมนเพศให้สมบูรณ์ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการลดความเครียด ลดอาการซึมเศร้า ช่วยให้นอนหลับสบาย เมื่อร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ก็จะมีการผลิตโกรทฮอร์โมนได้เพียงพอ ระดับฮอร์โมนก็จะมีความสมดุลมากขึ้น คราวนี้ก็ถึงเวลาที่คุณผู้หญิงจะได้เปล่งประกายจากภายในสู่ภายนอก นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวพรรณแลดูอ่อนกว่าวัย เต่งตึง สวยงามและทำให้คุณผู้หญิงมีความสุขมากยิ่งขึ้น

        สรุปวิตามินดีกับสุขภาพของสาวๆ

        ร่างกายของคนเราทุกคนต้องการวิตามินดี ไม่ว่าจะมาจากการรับแสงแดดอ่อนๆ การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินดี การรับประทานอาหารเสริม หรือการฉีดวิตามินดีเข้าสู่ร่างกายล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ดีต่อร่างกายทั้งสิ้น ทั้งนี้ทั้งนั้นการรับวิตามินดีเข้าสู่ร่างกายควรอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมเพราะไม่เช่นนั้นอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้ การตรวจฮอร์โมนและตรวจระดับวิตามินดีช่วยให้คุณทราบว่าร่างกายอยู่ในภาวะขาดวิตามินดีหรือไม่ ในขณะเดียวกันก็สามารถทำการปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำในการรักษาได้ เพื่อสุขภาพที่ดีของทุกๆคน ไม่ควรมองข้ามความสำคัญของวิตามินดีกันนะคะ

        Rejuvet Clinic กับผลิตภัณฑ์วิตามินดีเพื่อนสาวๆโดยเฉพาะ

        Rejuvet Clinic เป็นคลินิกเฉพาะทางเพื่อสุขภาพของเพศสตรีแบบองค์รวม โดยมีทีมงานผู้ชำนาญการคอยให้คำปรึกษาและดูแลคุณอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าปัญหาไหนที่สาวๆประสบพบเจออยู่ ขอให้บอกเราได้เลย เรื่องผู้หญิงเราถนัดทุกเรื่อง! เริ่มต้นจากการตรวจเช็คสุขภาพ ตรวจฮอร์โมน ภาวะวัยทอง ฟื้นฟูน้องสาวและอื่นๆ ตอบโจทย์ความต้องการทุกปัญหาสุขภาพของสาวๆทุกวัย สาวๆท่านไหนที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์วิตามินดีขอแนะนำให้ทำการติดต่อเพื่อจองคิวปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการวางแผนการรักษาเพื่อสุขภาพที่ดีของคุณได้เลย ทีมงาน Rejuvet ยินดีให้คำปรึกษาสาวๆทุกท่านด้วยความยินดีค่ะ สามารถแอดไลน์ได้ที่ Line: @rejuvetbangkok หรือเบอร์ 063-552-2244 และ 02-044-2788 ได้เลยค่ะ

        ลงทะเบียนรับคำปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย