โบท็อก ลิฟกรอบหน้า คืออะไร ช่วยอะไร ใช้กี่ยูนิต กี่วันเห็นผล เจาะลึกลิฟกรอบหน้า

โบท็อก ลิฟกรอบหน้า คืออะไร ช่วยอะไร ใช้กี่ยูนิต กี่วันเห็นผล เจาะลึกลิฟกรอบหน้า

เทคโนโลยีในปัจจุบัน สามารถบันดาลความสวยที่สมบูรณ์แบบให้กับหลายๆคน นอกจากการฉีดโบท็อกเพื่อปรับปรุงส่วนบกพร่องของใบหน้าแล้ว ก็ยังคงมีหัตถการการรักษาในอีกรูปแบบหนึ่งที่เราเคยได้ยินชื่อกันบ่อยๆ นั่นก็คือ “การโบท็อก ลิฟกรอบหน้า” หรือเรียกสั้นๆว่า “โบ ลิฟกรอบหน้า” กันมาบ้างแล้ว ในบทความนี้เราจะมาดูกันว่า การโบท็อก ลิฟกรอบหน้าคืออะไร ลิฟกรอบหน้า กี่วันเห็นผล ลิฟกรอบหน้า ใช้กี่ยู ข้อปฏิบัติหลัง ลิฟกรอบหน้า พร้อมรายละเอียดแบบเจาะลึก เรารวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดโบท็อก ลิฟกรอบหน้ามาไว้ให้คุณแล้วที่นี่ ศึกษาเพิ่มเติมได้ในบทความนี้เลย!
เลือกอ่านหัวข้อที่ชอบ
    Add a header to begin generating the table of contents
    face lifting

    โบท็อก ลิฟกรอบหน้า คืออะไร?

    การโบท็อก ลิฟกรอบหน้า คือ การฉีดสารโบท็อก หรือโบทูลินั่มท็อกซิน ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ที่มีความคล้ายคลึงกับสารประเภทโปรตีนในร่างกายของมนุษย์เข้าไปในผิวชั้นตื้น บริเวณกรอบหน้า หรือใต้คางด้วยเทคนิคพิเศษ เพื่อยกกระชับกรอบหน้าและเพิ่มความคมชัด มีมิติให้แก่ใบหน้า โดยให้ผลลัพธ์ที่เห็นผลได้อย่างชัดเจน เรียกได้ว่า เป็นหัตถการที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลอย่างเร่งด่วน เทคนิคพิเศษที่ว่านี้มีด้วยกัน 2 แบบคือ

    • Dermolift เป็นการฉีดสาร โบท็อก ลงในบริเวณผิวชั้นตื้นบริเวณแนวกรอบหน้า ขึ้นไปด้านบนเพื่อกระตุ้นให้ใบหน้ายกกระชับขึ้น โดยเทคนิคพิเศษนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลอย่างเร่งด่วน แต่แพทย์ก็ไม่แนะนำให้ฉีดด้วยวิธีนี้บ่อยจนเกินไปเพราะอาจมีโอกาสเสี่ยงในการดื้อโบท็อกได้ในอนาคต
    • Nefertiti lift เป็นการฉีดสาร โบท็อก ลงไปในบริเวณผิวชั้นตื้นเช่นเดียวกันแต่เป็นบริเวณกล้ามเนื้อลำคอ ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าและอยู่ได้นานกว่าแบบ Dermolift เนื่องจากกล้ามเนื้อคอเป็นกล้ามเนื้อส่วนหลักที่ทำให้ใบหน้าเกิดความหย่อนคล้อย จึงสามารถช่วยลดแรงตึงผิวและทำให้ใบหน้ายกกระชับได้ดีกว่า

    โบท็อก ลิฟกรอบหน้า ช่วยเรื่องอะไร?

    การโบท็อก ลิฟกรอบหน้าจะช่วยให้ใบหน้ายกกระชับขึ้น รวมทั้งช่วยให้หน้าเรียว กรอบหน้าคมชัด มีมิติและดูสวยขึ้น หากมีการทำหัตถการคู่กับโบท็อกลดกรามจะช่วยให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นโดยที่ไม่ต้องทำการผ่าตัด หรือศัลยกรรมใดๆเลย นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวบริเวณที่ทำโบท็อกมีความกระชับ เรียบเนียน เพราะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว แถมยังสามารถไปฉีดซ้ำได้โดยที่ไม่ส่งผลอันตรายใดๆต่อร่างกายอีกด้วย การโบท็อก ลิฟกรอบหน้าจึงถือว่าเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มค่า คุ้มราคาในเรื่องของผลลัพธ์ที่ได้รับและยังไม่ต้องพักฟื้นหลังการเข้ารับการรักษาอีกด้วย

    โบท็อก ลิฟกรอบหน้า ต้องใช้กี่ยูนิต?

    การฉีดโบท็อก ลิฟกรอบหน้าต้องใช้กี่ยูนั้น โดยปกติแล้วจะใช้ โบท็อก ประมาณ 30-50 ยูนิต ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาผิวหน้าของคนไข้แต่ละเคส โดยแพทย์ผู้ดูแลเคสจะเป็นผู้ประเมินและพิจารณาว่า คนไข้แต่ละเคสควรจะใช้ประมาณกี่ยูนิตและใช้ โบท็อก ยี่ห้อไหนดีกว่ากันตามความเหมาะสม

    face lifting

    โบท็อก ลิฟกรอบหน้า กี่วันเห็นผล?

    การฉีดโบท็อก ลิฟกรอบหน้าจะเห็นผลโดยประมาณ 3-4 วันหลังจากการฉีดโบท็อก โดยจะเห็นผลอย่างชัดเจนภายใน 2 สัปดาห์ ไม่ว่าจะเป็นการยกกระชับใบหน้า แนวกรอบหน้ามีความคมชัดและดูมีมิติ นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับเทคนิคในการฉีดด้วยว่า เป็นการฉีดด้วยเทคนิคพิเศษไหน หากเป็นการฉีดด้วยเทคนิค Nefertiti lift ก็จะได้รับผลในเรื่องการลดเหนียงร่วมด้วย หรือหากมีการรักษาร่วมกับการทำโบท็อก ลดกรามก็จะสามารถเห็นผลได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

    โบท็อก ลิฟกรอบหน้า อยู่ได้นานแค่ไหน?

    การฉีดโบท็อก ลิฟกรอบหน้า จะอยู่ได้กี่เดือนนั้นขึ้นอยู่กับเทคนิคในการฉีด อย่างที่ได้กล่าวไปในตอนต้นว่าเทคนิคพิเศษในการฉีดจะแบ่งออกเป็น 2 เทคนิค Dermolift ฉีดบริเวณกรอบหน้าโดยตรงและเห็นผลรวดเร็วแต่จะอยู่ได้นาน 1-2 เดือน ส่วนเทคนิค Nefertiti lift จะฉีดที่บริเวณลำคอเพื่อลดน้ำหนักของแรงดึงที่เกิดขึ้นจากกล้ามเนื้อลำคอและจะอยู่ได้นานกว่า 3-4 เดือน

    สรุปเกี่ยวกับการโบท็อก ลิฟกรอบหน้า

    การฉีดโบท็อก ลิฟกรอบหน้า ถือว่าเป็นหัตถการที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์อย่างชัดเจน เร่งด่วนและมีความคุ้มค่า คุ้มราคาในแง่ของผลลัพธ์ แต่อย่างที่ได้กล่าวไปในเบื้องต้นว่าการโบท็อก ลิฟกรอบหน้าจะต้องมีการฉีดด้วยเทคนิคพิเศษ ดังนั้นการเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญก็จะมีความคุ้มค่าและเห็นผลได้ชัดเจนมากยิ่งกว่า นอกจากนี้แพทย์ที่มีประสบการณ์ ยังสามารถทำการประเมินแผนการรักษาได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งยังช่วยแนะนำได้ด้วยว่า ควรจะทำการโบท็อก ลิฟกรอบหน้าควบคู่กับหัตถการอื่นๆเพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่าหรือไม่อย่างไร โดยรวมแล้วก็เท่ากับว่าผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับฝีมือของคุณหมอนั่นเอง

    นอกจากนี้การตรวจสอบคลินิก หรือสถานบริการที่เข้ารับการรักษาว่ามีมาตรฐานที่ดีหรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้คุณมีความมั่นใจได้ว่า การรักษาจะเป็นไปอย่างปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อ หรือคุณภาพของโบท็อก รวมทั้งราคาในการให้บริการอีกด้วย หากใครที่มองข้ามจุดสำคัญเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ไป ก็อาจจะทำให้การรักษาไม่เป็นผลดี อาจจะเกิดความผิดพลาดทางเทคนิค หรือความเสี่ยงจากการได้รับ โบท็อก ของปลอมอีกด้วย

    ลงทะเบียนรับคำปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

    เจาะลึกกำจัดขนน้องสาวด้วยเลเซอร์ เลเซอร์บิกินี่ เลเซอร์ขนจิมิ ถาวร เลเซอร์ขนจิมิ มีกี่แบบ ราคา เท่าไร เปรียบเทียบเลเซอร์แต่ละแบบ

    เจาะลึกกำจัดขนน้องสาวด้วยเลเซอร์ เลเซอร์บิกินี่ เลเซอร์ขนจิมิ ถาวร เลเซอร์ขนจิมิ มีกี่แบบ ราคา เท่าไร เปรียบเทียบเลเซอร์แต่ละแบบ

    เรื่องเส้นขนในร่างกาย ถึงแม้ว่าจะมีประโยชน์ในการระบายความร้อนและช่วยปกป้องจากสิ่งอันตรายแต่ก็ไม่ใช่ว่าผู้หญิงอย่างเราๆจะชื่นชอบเส้นขนที่ขึ้นอยู่ทุกๆที่ในร่างกายไปซะหมด อย่างเช่น หนวด ขนคิ้ว ขนรักแร้ ขนหน้าแข้ง หรือขนจิมิ เชื่อว่าหลายๆคนต้องเคยใช้วิธีกำจัดขนซักวิธีใดวิธีหนึ่งมาก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเล็ม การตัด การโกน การถอน การใช้แว็กซ์ การใช้มูสกำจัดขนและการยิงเลเซอร์ ทานแลกกับความมั่นใจต่อหน้าผู้คน…เพื่อความสวย เรายอมเจ็บตัวได้

    ในบทความนี้เราจะมาดูว่า การกำจัดขนน้องสาวด้วยเลเซอร์ เลเซอร์ขนจิมิ ถาวรหรือไม่? เลเซอร์ขนจิมิ มีกี่แบบ? เลเซอร์ขนจิมิ ราคาเท่าไหร่? เจาะลึกและเปรียบเทียบเลเซอร์แต่ละแบบว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร? ติดตามได้ในบทความนี้เลย!

    เลือกอ่านหัวข้อที่ชอบ
      Add a header to begin generating the table of contents
      bikini laser hair removal

      เลเซอร์ขน คืออะไร?

      เลเซอร์ขน คือ วิธีการกำจัดขนด้วยการยิงคลื่นความถี่ที่เหมาะสมด้วยเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อให้คลื่นความถี่ที่ยิงเข้าไปนั้นทำหน้าที่กำจัดขนได้อย่างตรงจุด คลื่นความถี่ที่ยิงเข้าไป จะไปจับตัวกับเม็ดสีเมลานินในรากของเส้นขน จากนั้นจะค่อยๆทำลายเส้นขนจนกระทั่งหลุดร่วง ถึงแม้ว่าจะงอกใหม่ก็จะไม่แข็งแรงและเส้นบางมาก จนกระทั่งไม่สามารถขึ้นมาใหม่ได้

      เลเซอร์ขนจิมิ ถาวร มีประโยชน์อย่างไร?

      • เพิ่มความมั่นใจให้กับสาวๆให้สนุกกับการแต่งตัว การสวมใส่ชุดว่ายน้ำ หรือบิกินี่สุดโปรด โดยที่ไม่มีขนจิมิแพลมออกมาให้หงุดหงิดใจ หรือไม่ต้องหลบๆซ่อนๆเพราะความเขินอายอีกต่อไปแล้ว
      • ปริมาณขนที่ลดลง ช่วยให้การดูแลรักษาความสะอาดง่ายขึ้น ช่วยให้สุขอนามัยบริเวณจุดซ่อนเร้นดีขึ้นเพราะทำความสะอาดง่ายขึ้นนั่นเอง
      • ลดความอับชื้นบริเวณจุดซ่อนเร้น เวลาเข้าห้องน้ำ การเช็ดทำความสะอาดอาจจะไม่เพียงพอเพราะจำนวนขนจิมิที่มีปริมาณมากอาจจะทำให้เกิดความอับชื้นและเกิดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ได้
      • ลดปัญหาเรื่องกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่มีต้นเหตุมาจากความอับชื้นของขนจิมิ โดยเฉพาะปริมาณขนจิมิที่มีเยอะจะทำให้มีกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ได้
      • บรรเทาอาการคันในร่มผ้าและจุดซ่อนเร้น บางคนมีขนจิมิค่อนข้างหนา เมื่อเกิดการเสียดสีกับเครื่องแต่งกาย อาจจะทำให้มีอาการคันระคายเคืองได้ โดยเฉพาะเวลาที่มีประจำเดือนอาจจะทำให้หงุดหงิดมากขึ้นก็เป็นได้

      เลเซอร์ขนจิมิ มีกี่แบบ

      เลเซอร์ขนจิมิ ถาวร หรือเราเรียกว่าเลเซอร์บิกินี่ ในปัจจุบันมีหลายแบบ ทั้งเลเซอร์ขนบิกินี่ (รอบขอบกางเกงใน) หรือ The Brazilian Bikini (เกลี้ยงเกลา) ขึ้นอยู่กับรูปแบบที่เราต้องการใช้ยิงว่า คลื่นความถี่มีความเหมาะสมกับบริเวณนั้นหรือไม่?

      • เลเซอร์ขน IPL เป็นเลเซอร์ที่มีคลื่นความถี่ 650 nm-1200 nm ให้ผลลัพธ์ยาวนานประมาณ 18-24 เดือน แต่เลเซอร์ขน IPL นี้จะต้องไปยิงซ้ำบ่อยๆเพราะรากขนยังไม่ถูกทำลายทั้งหมด
      • เลเซอร์ขน Yag เป็นเลเซอร์ที่มีคลื่นความถี่ช่วง 1064 nm สามารถกำจัดขนได้ถึง 20-30% แต่จะต้องทำทั้งหมดประมาณ 5-8 ครั้ง หรือจนกว่าขนจะถูกกำจัดออกทั้งหมดแต่ก็มีราคาค่อนข้างแพง
      • เลเซอร์ Diode หรือเรียกว่า Epilab เป็นเลเซอร์คลื่นความถี่ประมาณ 810 nm ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่นำเข้าจากประเทศเยอรมัน เนื่องจากเป็นลำแสงขนาดเล็กที่สุดจึงสามารถผ่านผิวเข้าไปได้ลึกที่สุด เหมาะสำหรับการกำจัดขนจิมิเพราะสามารถจับกับเมลานินได้ดีและยับยั้งเส้นเลือดฝอยที่เลี้ยงรากขนได้ จึงกำจัดขนได้อย่างถาวร โดยจะต้องทำต่อเนื่องประมาณ 5-6 ครั้งขึ้นไปและเว้นระยะห่างทุกๆ 1 เดือน นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวบริเวณที่ทำเลเซอร์เรียบเนียนและกระจ่างใสขึ้นด้วย
      diodee laer

      เลเซอร์ขนจิมิ เจ็บไหม

      การทำเลเซอร์ขนจิมิอาจจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย บางรายไม่รู้สึกเจ็บเลย (สามารถใช้ยาชาร่วมด้วยได้) ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ดีที่สุดจะสามารถกำจัดขนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยที่ไม่ทำลายผิวบริเวณนั้นๆ ไม่ทำให้เกิดความเจ็บปวด การไหม้ หรือการเบิร์นใดๆทั้งสิ้น อาจจะมีอาการบวมแดงเล็กน้อยหลังทำเลเซอร์ขนจิมิ ถาวรแต่จะค่อยๆหายไปเองภายใน 2-3 วัน

      เลเซอร์ขนจิมิ ต้องทำกี่ครั้งถึงเห็นผล?

      การทำเลเซอร์ขนจิมิจะต้องทำประมาณ 5-8 ครั้ง ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ต้องการทำและความหนาของเส้นขน ซึ่งต้องให้แพทย์เป็นผู้ประเมินจำนวนครั้งในการทำแต่ละเคส

      เลเซอร์ขนจิมิ ราคา เท่าไร แพงไหม?

      เลเซอร์ขนจิมิ ราคาประมาณ 1,200-5,000 บาทต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับสถานบริการและประเทศเลเซอร์ขนจิมิที่เลือกใช้ หากซื้อเป็นราคาเหมาครบคอร์สจะมีราคาถูกกว่ามาก

      เลเซอร์ขนจิมิ อยู่ได้นานไหม

      โดยปกติแล้วเลเซอร์ขนจิมิจะอยู่ได้นานประมาณ 18-24 เดือน ซึ่งเส้นขนจะหลุดร่วงและเห็นผลได้ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำและจะค่อยๆหายไป สามารถกลับมายิงซ้ำได้โดยเว้นระยะห่างทุกๆ 1 เดือน หากขนยังขึ้นอยู่

      วิธีเตรียมตัวก่อนทำเลเซอร์ขนจิมิ

      • ไม่ต้องทำการโกน ถอน หรือแว๊กซ์ขนบริเวณนั้นออก หากขนยาวจนเกินไปให้ใช้วิธีตัด หรือโกนก่อนทำเลเซอร์ประมาณ 1-2 วัน
      • หลีกเลี่ยงการทําสครับ หรือผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวเพื่อป้องกันการระคายเคืองขณะทำเลเซอร์

      วิธีดูแลน้องสาวหลังทำเลเซอร์ขนจิมิ

      • งดการโกน ถอน หรือแว๊กซ์ขนบริเวณนั้นออก ซึ่งเส้นขนจะค่อยๆหลุดร่วงไปเองช้าๆ
      • งดใช้ความร้อนทุกประเภทเพื่อลดอาการระคายเคือง หากมีอาการแสบ หรือระคายเคืองมากผิดปกติให้รีบปรึกษาแพทย์โดยทันที
      • งดการว่ายน้ำ หรือเล่นน้ำทะเล รวมทั้งการออกกำลังกายอย่างหนัก
      • หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม สารเคมี หรือแป้งเพื่อหลีกเลี่ยงอาการอักเสบ
      • พยายามใส่เสื้อผ้าที่ไม่รัดแน่นจนเกินไป ลดการเสียดสีของเสื้อผ้าและบริเวณที่ทำเลเซอร์

      เลเซอร์ขนจิมิ ที่ไหนดี

      การทำเลเซอร์ขนจิมิ เป็นการทำเลเซอร์ในส่วนที่บอบบางและต้องการความสะอาด ดังนั้นการทำเลเซอร์ขนจิมิจะต้องมีการรักษาภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสถานบริการที่มีเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัย มีความสะอาดและได้มาตรฐาน

      เลเซอร์ขนจิมิ กับ Rejuvet Clinic คลินิกที่เข้าใจผู้หญิงโดยแท้จริง

      Rejuvet Clinic เป็นคลินิกสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ ช่วยดูแลคุณผู้หญิงทุกเรื่องแบบองค์รวม ที่นี่มีเลเซอร์ขนจิมิ เลเซอร์ขนน้อง ราคาเป็นกันเอง ด้วยโนโลยีและนวัตกรรมใหม่จากประเทศเยอรมันที่เรียกว่า Epi lab (Diode Laser) ซึ่งเป็นเลเซอร์ที่ยิงได้ลึกจนถึงราก รับรองว่าเลเซอร์ขนจิมิ ถาวร เห็นผลชัดเจนและปลอดภัยอย่างแน่นอน นอกจากนี้ที่คลีนิคยังมีบริการสำหรับผู้หญิงอื่นๆอีกมากมาย สามารถติดต่อเพื่อขอคำแนะนำและปรึกษาคุณหมอได้เลย

      ลงทะเบียนรับคำปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

      ผิวแตกลาย บั้นท้ายลาย เกิดจากอะไร วิธีรักษาผิวแตกลาย เลเซอร์ ผิวแตกลาย ตัวช่วยผิวเนียนสำหรับสาวๆ

      ผิวแตกลาย บั้นท้ายลาย เกิดจากอะไร วิธีรักษาผิวแตกลาย เลเซอร์ ผิวแตกลาย ตัวช่วยผิวเนียนสำหรับสาวๆ

      ผิวแตกที่เกิดขึ้นในหน้าหนาวว่าน่ากังวลแล้ว แต่ที่น่ากังวลกว่า คือ ปัญหาผิวแตกลาย หรือ Stretch Marks ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้หญิง หรือเป็นผู้ชาย ไม่ว่าคุณจะอ้วน หรือผอม ใครๆก็มีโอกาสเกิดปัญหาผิวแตกลายได้ ปัญหาผิวแตกลายที่น่าหนักใจนี้ ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสาวๆ บางคนถึงขั้นไม่กล้าสนุกกับการแต่งตัวเพราะรู้สึกไม่มั่นใจและเขินอาย ในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับสาเหตุของการเกิดผิวแตกลาย พร้อมทั้งวิธีรักษาผิวแตกลายอย่าง เลเซอร์ ผิวแตกลาย สามารถช่วยแก้ปัญหาได้จริงหรือไม่? เรารวบรวมคำตอบมาให้แล้ว ศึกษาเพิ่มเติมได้ในบทความนี้เลย!
      เลือกอ่านหัวข้อที่ชอบ
        Add a header to begin generating the table of contents
        How to get rid of stretch marks

        ผิวแตกลาย เกิดจากอะไร?

        ปัญหาผิวแตกลายที่เราเห็นกันเป็นแนวเส้นบนผิวหนัง บางคนก็เป็นเยอะ บางคนก็เป็นน้อย นั่นก็คือ รอยแผลเป็นชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นบริเวณผิวหนัง โดยมีสาเหตุมาจากการยืดขยาย หดตัว หรือการฉีกขาดของผิวหนัง ซึ่งโดยปกติแล้วจะเกิดขึ้นในช่วงย่างเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เพราะร่างกายมีการเจริญเติบโตและมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านโครงสร้างมากกว่าวัยอื่นๆ ดังนั้นอาจจะมีการเพิ่มของน้ำหนักตัว หรือการเปลี่ยนแปลงร่างกายอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนในเพศหญิง จึงทำให้เกิดผิวแตกลายโดยที่ไม่รู้ตัว

        นอกจากนี้ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆที่ทำให้เกิดปัญหาผิวแตกลายได้ เช่น กรรมพันธุ์ ระดับฮอร์โมน การตั้งครรภ์ การยกของที่มีน้ำหนักมากๆและคนที่รับประทานยาในกลุ่มสเตียรอยด์เป็นระยะเวลานานๆ เป็นต้น ซึ่งปัจจัยโดยรวมเหล่านี้เป็นสาเหตุที่กระตุ้นให้ผิวหนังเกิดปัญหาผิวแตกลายได้

        ผิวแตกลายแดง คืออะไร? มีสาเหตุมาจากอะไร?

        ผิวแตกลายแดง คือ ผิวแตกลายในระยะเริ่มต้น เนื่องมาจากการฉีกขาดของผิวหนังแท้ที่ถูกเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของคอลลาเจนและเส้นใยอีลาสตินโดยเฉียบพลัน ซึ่งทำให้ผิวหนังเกิดเป็นรอยเส้นสีแดง สีชมพู หรือสีม่วง เมื่อผิวหนังบริเวณนั้นเกิดการซ่อมแซม สีจึงค่อยๆอ่อนลงเรื่อยๆจนเป็นสีขาว

        ผิวแตกลายขาว คืออะไร? และมีสาเหตุมาจากอะไร?

        ผิวแตกลายขาว คือ ผิวแตกลายในระยะหลัง ผิวแตกลายในระยะนี้ถือว่าเป็นรอยแผลเป็นชนิดหนึ่ง โดยมีลักษณะเป็นแนวเส้นสีขาว เป็นแนวร่องบุ๋มลงไปในผิวหนัง ซึ่งจะเกิดขึ้นหลังจากผิวแตกลายแดงในระยะแรกเริ่มจางลง
        How to get rid of stretch marks

        ผิวแตกลาย เกิดขึ้นบริเวณไหนได้บ้าง?

        อย่างที่ได้กล่าวไปว่าผิวแตกลาย ส่วนใหญ่เกิดจากการยืดขยาย หดตัว หรือการฉีกขาดของผิวหนังและมักจะเกิดขึ้นโดยเฉพาะในบริเวณที่มีไขมันสะสมอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นบริเวณหน้าท้อง บริเวณต้นขาและสะโพก บริเวณต้นแขน บริเวณน่อง หรือแม้กระทั่งบริเวณเต้านม ซึ่งบริเวณเหล่านี้จะเป็นบริเวณที่มีการขยายตัวมากในช่วงก้าวเข้าสู่วัยรุ่น จึงทำให้สาวๆหลายๆคนมีปัญหาผิวแตกลายที่น่าหนักใจมากกว่าในเพศชายนั่นเอง

        วิธีรักษาผิวแตกลาย

        จริงๆแล้ววิธีการรักษาผิวแตกลายสามารถทำได้หลายวิธี เริ่มต้นจากการรักษาด้วยตัวเอง ได้แก่ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และอุดมไปด้วยคอลลาเจนเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ส่งเสริมผิวหนังให้มีความยืดหยุ่น การขัดผิว การรักษาด้วยว่านหางจระเข้ การทาครีมบำรุงผิว เป็นต้น แต่ถ้าถามว่าผิวแตกลายจะหายทันทีเลยไหม? คำตอบคือ ไม่หายขาดแต่จะค่อยๆจางลงเท่านั้น นอกจากนี้ในปัจจุบันก็มีเทคโนโลยีใหม่ๆที่ช่วยรักษาผิวแตกลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างการฉีดคาร์บอกซี่ หรือเลเซอร์ ผิวแตกลายที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน

        เลเซอร์ ผิวแตกลาย คืออะไร?

        เลเซอร์ ผิวแตกลาย คือ การใช้เลเซอร์ที่มีพลังงานความร้อนที่เหมาะสมเพื่อกระตุ้นให้ผิวหนังมีการสร้างคอลลาเจน เสริมสร้างความยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง รวมทั้งเลเซอร์ที่ทำลายเส้นเลือด (ในกรณีที่ผิวแตกลายแดง) เพื่อลดเลือนปัญหาผิวแตกลายให้จางลงตั้งแต่แรกเริ่ม ซึ่งเลเซอร์ ผิวแตกลายชนิดต่างๆจะมีราคาที่ค่อนข้างสูงและจำเป็นที่จะต้องเข้ารับการรักษาหลายครั้งและต้องทำอย่างต่อเนื่อง หรือจนกว่าจะพึงพอใจในผลลัพธ์

        เลเซอร์ ผิวแตกลาย ช่วยแก้ปัญหาผิวแตกลายได้จริงหรือไม่?

        เลเซอร์ ผิวแตกลาย สามารถช่วยแก้ปัญหาผิวแตกลายได้จริง แต่อย่างที่ได้บอกไปว่าจำเป็นที่จะต้องเข้ารับการรักษาหลายครั้งและต้องมีการทำอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอเพื่อให้เห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน ประมาณ 3-5 ครั้งขึ้นไปและจะต้องรักษาห่างกันครั้งละ 2 สัปดาห์ โดยค่าใช้จ่ายในแต่ละครั้งก็ไม่ใช่เล่นๆ แต่ก็เห็นผลได้จริงและสามารถทำจนกว่าจะพึงพอใจในผลลัพธ์

        สรุปเรื่องผิวแตกลาย

        อาจจะเป็นความจริงที่ปัญหาผิวแตกลายไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผิวแตกลายสีขาวที่เป็นรอยแผลเป็นถาวร การรักษาต่างๆจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ นอกเหนือจากการดูแลรักษาตัวเองร่วมด้วยแล้ว เพราะการรักษาไม่ว่าจะเป็นเลเซอร์ ผิวแตกลาย หรือการทำทรีทเม้นต์ต่างๆก็มีส่วนช่วยให้ผิวหนังได้รับการปรนนิบัติและซ่อมแซมผิวหนังในบริเวณนั้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเข้ารับบริการจากสถานพยาบาล หรือคลินิกที่มีมาตรฐานและมีความเชื่อถือได้ เพราะจะเป็นส่วนช่วยให้คุณได้รับการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพปัญหาและสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล ยิงได้รับคำแนะนำจากแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้วยแล้ว รับรองว่าปัญหาที่น่าหนักใจของคุณได้รับการคลี่คลายอย่างแน่นอน

        ลงทะเบียนรับคำปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

        ภาวะ เสื่อมสมรรถภาพ เพศชาย สาเหตุ อาการ แนวทางแก้ไข (ED)

        ภาวะ เสื่อมสมรรถภาพ เพศชาย สาเหตุ อาการ แนวทางแก้ไข (ED)

        ภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศของผู้ชายมักจะเกิดขึ้นโดยที่ผู้ชายแทบจะไม่รู้ตัวเลย แต่เมื่อเกิดอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศขึ้นแล้ว อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตรัก ชีวิตประจำวันและความมั่นใจส่วนบุคคลได้ หากคุณมีอาการและสามารถสังเกตตัวเองได้ทัน อย่าอาย! รีบขอคำแนะนำจากแพทย์เพื่อรับการตรวจและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องเสื่อมสมรรถภาพ อาการ Erectile dysfunction (ED) คืออะไร? เสื่อมสมรรถภาพ เพศชาย สาเหตุมาจากอะไรบ้าง? พร้อมเช็คลิสต์ดูอาการตัวเองและวิธีการรักษา ศึกษาเพิ่มเติมได้ในบทความนี้เลย!
        เลือกอ่านหัวข้อที่ชอบ
          Add a header to begin generating the table of contents
          Erectile dysfunction - ED

          ภาวะเสื่อมสมรรถภาพ เพศชาย Erectile dysfunction (ED) คืออะไร?

          ภาวะเสื่อมสมรรถภาพ เพศชาย Erectile dysfunction (ED) คือ ภาวะผิดปกติที่เกิดขึ้นกับอวัยวะเพศชาย ซึ่งไม่แข็งตัว หรือไม่สามารถแข็งตัวได้เพียงพอ หรือมีการแข็งตัวแต่ไม่นานพอที่จะร่วมเพศได้สำเร็จ รวมทั้งอาการหลั่งเร็วและหลั่งไว ตามกลไกของธรรมชาติแล้ว การแข็งตัวของอวัยวะเพศจะต้องมีสิ่งเร้าทางเพศมากระตุ้นให้สมองหลั่งสารสื่อประสาท ส่วนอวัยวะเพศจะหลั่งสารไนตริกออกไซด์ เพื่อกระตุ้นให้เส้นเลือดแดงในอวัยวะเพศชายขยายตัวขึ้น เมื่อเลือดไหลเวียนเข้าไปยังเนื้อเยื่อบริเวณอวัยวะเพศชายแล้ว เนื้อเยื่อจะไปกดทับเส้นเลือดดำและกักเก็บเลือดเอาไว้ในอวัยวะเพศ อวัยวะเพศจึงเกิดการแข็งตัวและขยายตัวได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นผู้ที่ประสบพบเจอกับปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศจึงทำให้วิธีถีการดำรงชีวิตเปลี่ยนแปลงไปและมีปัญหาทางด้านร่างกายและจิตใจตามมาในภายหลังด้วย

          ภาวะเสื่อมสมรรถภาพเพศชาย มีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง?

          โรคเสื่อมสมรรถภาพ เพศชาย สาเหตุเกิดจาก 3 สาเหตุใหญ่ ๆ ได้แก่

          • เส้นเลือดและระบบประสาท
            นับว่าเป็นสาเหตุหลักของการเกิดเสื่อมสมรรถภาพทางเพศของท่านชายมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น
            – เส้นเลือดแดงอุดตัน ทำให้เลือดเข้าไปไหลเวียนในอวัยวะเพศได้ไม่เพียงพอ
            – เกิดความผิดปกติของเนื้อเยื่อในการการกดทับเส้นเลือดดำ ทำให้ไม่สามารถกักเก็บเลือดไว้ในอวัยวะเพศได้
            – ความผิดปกติของเส้นเลือดแดงและความผิดปกติของกลไกในการการกดทับเส้นเลือดดำ
            – นอกจากนี้ อาจจะเกิดความผิดปกติของเส้นเลือดและระบบประสาทอื่นที่เกี่ยวข้องได้ด้วย เช่น ความผิดปกติของสมอง ไขสันหลัง เส้นประสาทและการหลั่งสารสื่อประสาทต่าง ๆ เป็นต้น
          • ฮอร์โมน
            เป็นความผิดปกติของการหลั่งฮอร์โมนเพศชายในปริมาณที่น้อยลง หรือเรียกว่า “ภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย” ทำให้หมดความรู้สึกทางเพศ ความต้องการทางเพศลดลง อวัยวะเพศแข็งตัวได้น้อยลง หรือไม่แข็งตัวเลย พร้อมกับความรู้สึกอ่อนเพลีย ไร้เรี่ยวแรง หรือหมดไฟ เป็นต้น
          • สภาพจิตใจ
            เป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุหลักที่ทำให้หลายคนตกอยู่ในภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ อย่างเช่นในรายผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้า โรคจิตเภท มีความเครียดสะสม หรือวิตกกังวล

          ลองเช็คดู! อาการที่บ่งบอกว่าคุณกำลังมีภาวะเสื่อมสมรรถภาพเพศชาย

          ภาวะเสื่อมสมรรถภาพ เพศชาย ไม่ว่าจะเป็นการที่องคชาติแข็งตัวได้ไม่เต็มที่ หรือไม่แข็งพอที่จะทำให้การร่วมเพศสำเร็จ ถึงแม้ว่าจะเคยแข็งตัวดีและร่วมเพศได้มาก่อน บางรายอาจจะรู้สึกว่ามีพละกำลังลดน้อยถอยลง รู้สึกอ่อนเพลีย หรือเหนื่อยง่าย เนื่องจากมวลกล้ามเนื้อและความแข็งแกร่งลดน้อยลง รวมทั้งความต้องการทางเพศน้อยลงด้วย สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าคุณอาจมีความเสี่ยงของภาวะ เสื่อมสมรรถภาพ อาการ Erectile dysfunction (ED) ร่วมกับการมีปัญหาเรื่องความแข็งตัวขององคชาติ เราสามารถเช็คด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ ตามระดับความรุนแรงของโรค ดังนี้

          • ระดับ 1
            ความรุนแรงเล็กน้อย: ยังสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้สำเร็จเกือบทุกครั้ง
          • ระดับ 2
            ความรุนแรงปานกลาง: สามารถมีเพศสัมพันธ์สำเร็จได้บ้าง นับเป็นจำนวนประมาณครึ่งหนึ่งของการร่วมเพศทั้งหมด
          • ระดับ 3
            ความรุนแรงมาก: ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้เลย หรือล้มเหลวทุกครั้ง
          Erectile dysfunction - ED

          แนวทางและวิธีการรักษาภาวะ เสื่อมสมรรถภาพ อาการ Erectile dysfunction (ED)

          • รักษาด้วยวิธีการใช้ยา
            จำพวกกลุ่ม PDE-5 Inhibitor เช่น ไวอากร้า กระตุ้นก่อนการมีเพศสัมพันธ์
          • การใช้กระบอกสูญญากาศ
            ครอบที่อวัยวะเพศเพื่อกระตุ้นให้เลือดเข้าไปหล่อเลี้ยงที่อวัยวะเพศจนแข็งตัวได้ดี อาจใช้ยางรัดร่วมด้วย เพื่อไม่ให้เลือดไหลเวียนออกจนอวัยวะเพศอ่อนตัวลงได้
          • การใช้ Shockwave therapy
            หรือคลื่นเสียงความถี่ต่ำกระแทกในเนื้อเยื่อของอวัยวะเพศอย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์ ติดต่อกัน 5 สัปดาห์ เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเส้นเลือดบริเวณอวัยวะเพศชายขึ้นมาใหม่แทนเซลล์เดิม ช่วยให้กลไกการแข็งตัวขององคชาติทำงานได้ดีขึ้น นิยมใช้ในผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ หรือผู้ที่ตอบสนองต่อการการใช้ยาแต่ต้องการหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงจากการใช้ยา
          • รักษาด้วยวิธีการฉีดยา
            จำพวกกลุ่ม Prostaglandin E1 (ภายใต้การดูแลของแพทย์) เข้าไปในอวัยวะเพศโดยตรง ช่วยกระตุ้นให้เอาอวัยวะเพศแข็งตัวได้นานมากขึ้น
          • รักษาด้วยวิธีการผ่าตัด
            ใส่แกนอวัยวะเพศเทียม นิยมรักษาในผู้ป่วยที่รักษาด้วยวิธีการอื่น ๆ แล้วไม่ได้ผล

          สรุปภาวะ เสื่อมสมรรถภาพ เพศชาย ไม่ใช่เรื่องไกลตัว!

          ผู้ป่วยที่ประสบปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ไม่ว่าระดับความรุนแรงนั้นจะมาก หรือน้อยขนาดไหนก็อย่ามองข้าม หากสำรวจตัวเองแล้วมีอาการที่บ่งชี้ถึงความเสี่ยง ควรเข้ารับการตรวจเช็คเพื่อรับการวินิจฉัยและขอรับการรักษาที่เหมาะสม เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงของโรคอื่น ๆ ที่อาจตามมาในภายหลังได้ โดยเฉพาะปัญหาเรื่องความมั่นใจในตัวเอง ปัญหาทางด้านจิตใจและการใช้ชีวิตประจำวัน กลับมาทำให้ชีวิตรักมีความสุขอีกครั้งกันดีกว่า รับนัดปรึกษาคุณหมอเลย ไม่ต้องเขินอาย!

          ลงทะเบียนรับคำปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

          Venus viva คืออะไร รักษาหลุมสิวด้วย Venus viva ราคาเท่าไร พร้อมดูรีวิว Venus viva

          Venus viva คืออะไร รักษาหลุมสิวด้วย Venus viva ราคาเท่าไร พร้อมดูรีวิว Venus viva

          ในปัจจุบัน ใครๆต่างก็ให้คุณค่าในเรื่องความสวยความงามของรูปร่าง ผิวพรรณและทรงผม แน่นอนว่าสาวๆคงจะไม่มองข้ามความสวยงามของใบหน้า ซึ่งเป็นจุดแรกที่จะสร้างความประทับใจให้กับผู้พบเห็น จริงๆแล้วก็มีหลายเทคโนโลยีที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาในเรื่องเหล่านี้ได้ ในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ Laser Venus viva คืออะไร? ประโยชน์? เจ็บไหม? ปลอดภัยหรือไม่? ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล? Venus viva ราคาเท่าไหร่ เราสรุปรายละเอียดมาให้คุณที่นี่แล้ว ศึกษาเพิ่มเติมได้เลย!
          เลือกอ่านหัวข้อที่ชอบ
            Add a header to begin generating the table of contents
            venus viva

            Venus viva คืออะไร?

            Venus viva คือ เทคโนโลยี Ablative Nano Fractional RF with Smart and Scan หรือคลื่นวิทยุที่ถูกยิงผ่านเข็มหมุดกว่า 160 เล่ม ด้วยความเร็วเข็มละ 62mj จึงทำให้เกิดรอยเพียงขนาดเล็กๆเท่านั้น นิยมใช้การรักษารอยหลุมสิว ลดเลือนริ้วรอยและกระชับรูขุมขน ช่วยปรับผิวหน้าให้เรียบเนียนสม่ำเสมอ ด้วยหลักการทำงานง่ายๆคือ การยิงเลเซอร์ หรือพลังงานความร้อนเข้าไปในชั้นผิวหนังแท้เพื่อให้ผิวหนังได้สะสมอุณหภูมิความร้อนที่เหมาะสมต่อการผลิตของคอลลาเจน เส้นใยอีลาสตินและและเสริมสร้างไฟโบรบลาสให้เนื้อเยื่อในผิวมีการสอดประสานอย่างแน่นหนา ช่วยให้การจัดโครงสร้างใบหน้าดียิ่งขึ้นโดยที่ไม่ต้องทำการผ่าตัด หรือใช้เวลาพักฟื้นนานๆ แถมยังเห็นผลชัดเจนได้ในทันทีอีกด้วย

            Venus viva แก้ปัญหาเรื่องใดได้บ้าง?

            1. ช่วยลดเลือนรอยหลุมสิว รอยแผลเป็นจากสิว เพื่อผิวกระจ่างใส ดูสุขภาพดี
            2. ช่วยลดขนาดรูขุมขนให้กระชับ รูขุมขนเล็กลง เพื่อผิวที่เรียบเนียน
            3. ช่วยลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย ริ้วรอยร่องลึกให้แลดูอ่อนเยาว์และอิ่มเอิบ
            4. ช่วยลดเลือนเม็ดสีเมลานิน ฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยด่างดำ พร้อมปรับสีผิวให้ดูกระจ่างใสสม่ำเสมอ
            5. ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยอย่างอ่อนโยน ให้ผิวตึงกระชับดูอ่อนกว่าวัย โดยเฉพาะความหย่อนคล้อยบริเวณลำคอที่ทำให้ดูแก่กว่าวัย
            6. ช่วยในการรักษารอยแผลเป็น ลบเลือนรอยแผลเป็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
            7. ฟื้นฟูสภาพผิวให้สดใสดุจดั่งวัยแรกแย้ม พร้อมเผยผิวใสดูสุขภาพดีได้ไม่ยาก
            8. ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน เส้นใยอิลาสตินและเส้นใยไฟโบรกลาสใต้ชั้นผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ

            venus viva laser รักษาหลุมสิว ทำงานอย่างไร?

            laser venus viva ทำงานด้วยเทคโนโลยี Ablative Nano Fractional RF ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่มีการทำความร้อนสูงสุด ในอุณหภูมิที่เหมาะสมที่ดีที่สุด โดยมีขนาดของเลเซอร์สำหรับการเจาะที่ใหญ่ที่สุดของ RF และเจาะได้ลึกถึง 500 ไมครอน แสดงว่าเลเซอร์จะสามารถส่งความร้อนเข้าไปได้อย่างตรงจุดในบริเวณกว้างและเข้าไปในระดับลึกจนถึงชั้นผิวหนังแท้ ซึ่งเป็นชั้นที่เกิดการสร้าง Collagen และเส้นใยต่างๆ   

             

            นอกจากนี้ยังมีการใช้งานร่วมกับเทคโนโลยีปลายเข็ม Smart and Scan ที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ USFDA และประเทศไทย ที่มีจังหวะในการให้ความร้อนสูงถึง 1,000 ครั้ง ด้วยจำนวน 160 เข็ม รอบเข็มที่เล็กกว่า 150*20 ไมครอนและความเร็วเข็มละ 62mj จึงทำให้เกิดความเจ็บปวดได้น้อยมาก ไม่ทิ้งรอยแผลเป็น หากมีสะเก็ดเกิดขึ้นก็จะหายไปเองประมาณ 2-3 วัน รวมทั้งสามารถช่วยเรื่องรักษาหลุมสิวและลดเลือนริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

            venus viva

            Venus viva laser เจ็บไหม ปลอดภัยหรือไม่?

            การทำ laser venus viva อาจมีอาการเจ็บเล็กน้อยในขณะที่เลเซอร์ยิงลงบนผิวหนัง ในผู้ป่วยบางรายก็ไม่รู้สึกเจ็บเลย อย่างที่ได้กล่าวไปว่าสามารถส่งความร้อนและพลังงานได้เยอะแต่รอบเข็มเล็กมากจึงทำให้ฟื้นฟูสภาพได้เร็วและเจ็บปวดน้อยมากโดยที่ไม่ต้องทำการผ่าตัด หรือพักฟื้นเลย

            ส่วนความปลอดภัยสามารถการันตีได้จากการรับรองขององค์การอาหารและยาในต่างประเทศและประเทศไทย ดังนั้นจึงมีความปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายใดๆต่อผิวหน้า

            ต้องทำ laser venus viva กี่ครั้งถึงจะเห็นผล?

            การรักษาด้วย Venus viva โดยปกติแล้วแพทย์จะแนะนำให้ทำอย่างต่อเนื่อง ประมาณ 3-5 ครั้งขึ้นไป ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาผิวหน้าของแต่ละเคส โดยแต่ละครั้งจะใช้เวลารักษาประมาณ 30 นาทีและเว้นระยะห่างทุกๆ 1 เดือน ซึ่งจะสามารถเห็นผลได้โดยชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกและเห็นผลดีขึ้นเรื่อยๆทุกครั้งที่ทำ
            female homone

            Venus viva ราคาเท่าไหร่?

            laser venus viva ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 10,000-15,000 บาทต่อครั้ง (ทั่วใบหน้า) สำหรับการรักษารูขุมขนกว้างและรอยหลุมสิว ทั้งนี้ทั้งนั้นขอแนะนำให้ทำการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินปัญหาผิวหน้า สภาพผิวและจำนวนครั้งที่จะต้องทำเพื่อการรักษาที่เหมาะสมกับตัวคุณเอง

            วิธีดูแลตัวเองหลังทำ Laser venus viva

            1. งดการล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าหลังจากทำ venus viva ให้ใช้น้ำเกลือที่ทางคลินิกเตรียมไว้ให้ในการเช็ดหน้าแทน
            2. ไม่ประคบเย็นเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายเกิดกระบวนการซ่อมแซมตามธรรมชาติ
            3. ไม่แต่งหน้าหลังจากการทำ venus viva สามารถแต่งหน้าได้หลังจากรักษาไปแล้ว 24 ชั่วโมง
            4. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักหนักประมาณ 2-3 วัน
            5. หลีกเลี่ยงแสงแดด หรือการทาครีมกันแดดที่มีน้ำหอม หรือแอลกอฮอล์ หากมีความจำเป็นที่จะต้องโดนแสงแดดให้ทาครีมกันแดดที่มี SPF 50 ขึ้นไป

            สรุป Laser venus viva

            การรักษาหลุมสิวด้วย Laser venus viva หากต้องการเห็นผลที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพ ขอแนะนำให้คุณเลือกทำการปรึกษาและรักษากับคุณหมอที่มีประสบการณ์เพราะจะได้ช่วยวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับสภาพผิวหน้า ปัญหาและจำนวนครั้งที่ต้องทำให้เหมาะสมกับตัวคุณเอง ซึ่งจะมีประโยชน์มากในการลดเลือนริ้วรอย การลดเลือนรอยหลุมสิว การกระชับรูขุมขน ให้ผิวหน้าดูอิ่ม เรียบเนียนกระจ่างใสและดูเด็กกว่าวัย แถมยังได้ประสิทธิภาพดีและไม่ต้องเจ็บตัวเป็นเวลานานๆอีกด้วย นอกจากนี้การดูรีวิวหลังจากการรักษาของแต่ละคลินิกก็สามารถช่วยคุณตัดสินใจได้

            ลงทะเบียนรับคำปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

            โปรเจสเตอโรน คืออะไร โปรเจสเตอโรน ผลข้างเคียง อย่างไรบ้าง

            โปรเจสเตอโรนคืออะไร? โปรเจสเตอโรน ผลข้างเคียง อย่างไรบ้าง สำคัญต่อผู้หญิงอย่างไร?

            ในผู้หญิงเราฮอร์โมนนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายแล้ว ฮอร์โมเพศยังส่งผลต่อทั้งอารมณ์ รูปร่าง น้ำหนัก หรือผิวพรรณของผู้หญิงเราอีกด้วย ซึ่งฮอร์โมนเพศหญิงที่สำคัญต่อร่างกายเรา นั่นคือ เอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ซึ่งฮอร์โมนทั้งสองชนิดนี้จะมีความจำเป็นและสำคัญต่อผู้หญิงเราอย่างไรบ้างนั้นเรามีคำตอบมาให้คุณ
            เลือกอ่านหัวข้อที่ชอบ
              Add a header to begin generating the table of contents

              ลงทะเบียนฟรี ตรวจฮอร์โมนราคาพิเศษ พร้อมปรึกษาฟรี

               decoding

              ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนคืออะไร?

              โปรเจสเตอโรน (Progesterone) คือ ฮอร์โมนเพศที่จัดอยู่ในกลุ่มของสารเตียรอยด์ โดยชื่อฮอร์โมนนี้มาจากคำว่า pro–gestation ซึ่งหมายความว่าการสนับสนุนการตั้งครรภ์ ดังนั้นหากให้ตีความจากความหมายคุณผู้อ่านน่าจะเข้าใจมากขึ้นใช่ไหมคะว่า หากคุณผู้หญิงที่ไม่มีฮอร์โมนชนิดนี้ก็ไม่สามารถมีบุตรได้นั่นเอง
              ทั้งนี้การสังเคราะห์ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนในร่างกายของมนุษย์นั้นสามารถทำได้ผ่านอวัยวะหลายชนิด ได้แก่ รังไข่ รก ต่อมอะดรินัล คอร์เทกซ์ และอัณฑะนั่นเองค่ะ

              ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนและเอสโตรเจนคืออะไร แตกต่างกันอย่างไร?

              ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน คือ ฮอร์โมนเพศหญิงชนิดหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายของผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็น การมีประจำเดือน การตั้งครรภ์ เป็นต้น ซึ่งฮอร์โมนเอสโตรเจนเองก็มีความสำคัญเช่นเดียวกับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน เนื่องจากฮอร์โมนทั้งสองชนิดนี้ทำงานร่วมกันในการแสดงออกความเป็นผู้หญิง โดยที่ฮอร์โมนเอสโตรเจนจะเป็นตัวที่กระตุ้นการเจริญเติบโตทางโครงสร้างของผู้หญิง เช่น สะโพกผาย หน้าอกขยาย เป็นต้น

              ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน หน้าที่มีอะไรบ้าง?

              ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน หน้าที่ที่มากมายหลากหลายในร่างกายของเรา อย่างที่ได้เกริ่นไปก่อนหน้าแล้วว่าฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนนั้นมีความสำคัญต่อการตั้งครรภ์เป็นอย่างมาก ซึ่งหากขาดฮอร์โมนชนิดนี้การตั้งครรภ์ก็ล้มเหลวเช่นเดียวกัน และนอกจากจะเป็นฮอร์โมนสำคัญในการตั้งครรภ์แล้ว โปรเจสเตอโรนยังทำหน้าที่อื่นร่วมด้วย ได้แก่

              • การสร้างความพร้อมให้กับเยื่อบุมดลูก เพื่อเตรียมความพร้อมในการมีบุตร
              • เพิ่มความเหนียวที่บริเวณปากมดลูก เมื่อมีนการปฏิสนธิของอสุจิและไข่เรียบร้อยแล้ว
              • ป้องกันการหดตัวของมดลูกในระหว่างที่มีการตั้งครรภ์
              • ทำงานร่วมกับเอสโทรเจนในส่วนของขนาดเต้านมและปริมาณน้ำนม
              • ส่งเสริมการทำงานของฮอร์โมนอินซูลิน ทัง้นี้เพื่อเพิ่มการสะสมของปริมาณไกลโคเจน
              • เพิ่มอุณหภูมิภายในร่างกายของสิ่งมีชีวิต

              ผู้อ่านจะเห็นได้ว่าหน้าที่หลักของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนจะเกี่ยวข้องกับกระบวนการตั้งครรภ์ทั้งสิ้น แล้วเคยสงสัยไหมคะว่าเราจะเพิ่มปริมาณฮอร์โมนเหล่านี้ได้อย่างไร?

              homone checkup woman

              ผลข้างเคียงหรืออาการ เมื่อมีฮอร์โมน โปรเจสเตอโรน มากเกินไปหรือน้อยเกินไป

              แน่นอนว่ามันไม่มี่อะไรดีหรอกหากคุณมีมันมากหรือน้อยจนเกินไป ง่ายๆ เลยค่ะ หากคุณมีปริมาณที่น้อยจนเกินของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ผลข้างเคียงก็คือการทำงานของฮอร์โมนชนิดนี้จะไม่ได้ประสิทธิภาพเท่าที่ควร โดยการทำงานที่ว่านี้ก็เป็นไปตามหน้าที่ที่เราได้ลิสต์ไว้ให้คุณแล้วในข้างต้น ยกตัวอย่างเช่น การสร้างความพร้อมของเยื่อบุมดลูกอาจเกิดขึ้นได้ช้าหรือแทบไม่เกิดขึ้นเลย เป็นต้น

              และในทางกลับกันหากร่างกายเรามีปริมาณโพรเจสเตอโรนมากจนเกินไป สิ่งแรกก็คืออาการหงุดหงิด โมโหง่าย หรือบางคนอาจนำไปสู่ภาวะของโรคซึมเศร้าก็เป็นได้ เรียกอาการเหล่านี้ว่า PMS (Premenstrual syndrome) และนอกจากภาวะทางอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วแล้ว ยังมีอาการที่แสดงออกทางร่างกายได้อีกด้วย เช่น อาการเจ็บหน้าอก หน้าอกขยาย และท้องอืด เป็นต้น

              เราสามารถพบฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนอยู่ในอาหารประเภทใดบ้าง?

              ทุกวันนี้การเพิ่มปริมาณฮอรโมนโปรเจสเตอโรนให้กับร่างกายสำหรับการเตรียมความพร้อมในการตั้งครรภ์นั้นมีหลากหลาย ซึ่งในเชิงการแพทย์สามารถทำได้หลากหลายแบบ ได้แก่ การทานยาปรับฮอร์โมน หรือการฉีดฮอร์โมนเพิ่มเข้าไปในร่างกาย แต่ทว่าระหว่างการรับฮอร์โมนสังเคราะห์และฮอร์โมนแบบธรรมชาติแบบไหนล่ะที่ดีกว่ากัน? มันจะดีกว่าหรือไม่ที่คุณสามารถเพิ่มปริมาณฮอร์โมนเพจากการเลือกรับประทานอาหารให้ถูกประเภทตามความต้องการของคุณเอง?

              แน่นอนอยู่แล้วค่ะว่าคำตอบของคุณผู้อ่านส่วนใหญ่คงจะเป็นการรับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเข้าร่างกายอน่างทีเป็นไปตามธรรรมชาติ ซึ่งเราสามารถทำได้เองง่ายๆ ที่บ้านด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่มีปริมาณโปรเจสเตอโรนมากนั่นเอง ซึ่งจากการวิสจนัยคุณค่าทางอาหารพบว่ามีผักและผลไม้หลายประเภทที่มีปริมาณโปรเจสเตอโรนเพียงพอที่เราจะบริโภคได้ในการเตรียมความพร้อมที่จะตั้งครรภ์ ได้แก่ ถั่วลันเตา บร็อคโคลี่ กะหล่ำปลี ดอกกะหล่ำปลี เคล ถั่วประเภทต่าง ๆ ฟักทอง ผักโขม ธัญพืช เป็นต้น

              female homone

              ตรวจเชคฮอร์โมน เพื่อรับการปรับสมดุลฮอร์โมน

              ในการตรวจเช็คปปริมาณฮอรโมนเพศในร่างกายสามารถทำได้ด้วยวิธีการตรวจเลือด โดยคุณสามารถแจ้งกับทางห้องแลปหรือโรงพยาบาลได้ว่าต้องการที่จะทราบค่าปริมาณฮอร์โมนเพศที่มีอยู่ในร่างกายได้ และแน่นอนว่าการตรวจระดับฮอร์โมนเพศในร่างกายไม่ได้มีไว้สำหรับว่าที่คุณแม่เท่านั้น แต่มันสามารถใช้ได้กับผู้หญิงทุกคน เพื่อการปรับสมดุลให้กับร่างกายเรานั่นเอง

              ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน คือ ฮอร์โมนเพศที่มีความสำคัญต่อมนุษย์เราเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างหญิงในเพศหญิง เนื่องจากฮอร์โมนชนิดนี้ช่วยส่งเสริมการตั้งครรภ์ในสตรี ดังนั้นหากคุณต้องการที่จะมีบุตรเราแนะนำว่าคุณควรที่จะตรวจสอบระดับฮอร์โมนเพื่อความพร้อมในร่างกายของคุณนั่นเอง

              ลงทะเบียนรับคำปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

              วิตามินดี วิตามินที่สำคัญสำหรับสาวๆ อาการขาดวิตามินดีเป็นอย่างไร สาวๆต้องรู้ไว้

              วิตามินดี วิตามินสำคัญสำหรับสาวๆ อาการขาดวิตามินดีเป็นอย่างไร

              กระแสสุขภาพกำลังมาแรงในโลกปัจจุบัน ใครๆก็ซื้อวิตามินเสริมรับประทานกันทั้งนั้นแต่รู้ไหมว่าวิตามินอีกหนึ่งวิตามินที่มีความสำคัญต่อร่างกาย นั่นก็คือ วิตามินดี ส่วนมากเราไม่ค่อยจะเห็นวิตามินดีในรูปแบบอาหารเสริมกันสักเท่าไหร่ ในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับวิตามินดีเพิ่มกันอีกสักเล็กน้อย มาดูกันว่าวิตามินดี ดียังไง? วิตามินดี หาได้จากที่ไหน? อาการขาด วิตามินดีเป็นยังไง? วิตามินดี ราคาเท่าไหร่? แล้ววิตามินดีสำคัญกับสุขภาพของผู้หญิงอย่างไร? ไปดูพร้อมๆกันเลย!
              เลือกอ่านหัวข้อที่ชอบ
                Add a header to begin generating the table of contents

                ลงทะเบียนฟรี ตรวจฮอร์โมนราคาพิเศษ พร้อมปรึกษาฟรี

                vitamin d

                ประโยชน์ของวิตามินดี

                วิตามินดี เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน โดยมีหน้าที่หลักที่เรารู้จักกันดีคือ หน้าที่ในการช่วยดูดซึมแคลเซียม ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง พร้อมทั้งป้องกันโรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) และกระดูกบาง (Osteopenia) รวมทั้งดูดซึมฟอสฟอรัสเพื่อช่วยรักษาระดับแร่ธาตุในเลือด นอกจากนี้ยังมีโครงสร้างคล้ายกับฮอร์โมนเพศ จึงกล่าวได้ว่ามีบทบาทสำคัญต่อกระบวนการต่างๆในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการยับยั้งฮอร์โมนพาราไทรอยด์ ต้นเหตุของการสูญเสียแคลเซียมในกระดูก การเพิ่มระดับฮอร์โมนอินซูลินเพื่อปรับระดับน้ำตาลในเลือด ไม่ให้เป็นโรคเบาหวานและยังมีความต่อเนื่องไปจนถึงโรคความดันโลหิตสูงและโรคหลอดเลือดหัวใจตีบอีกด้วย แถมยังช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายในการกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย เช่น เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย หรือเซลล์มะเร็ง เป็นต้น เรียกได้ว่า วิตามินดี มีประโยชน์และมีบทบาทสำคัญต่อร่างกายเกือบทุกระบบเลยก็ว่าได้

                วิตามินดี หาได้จากไหน?

                วิตามินดี เป็นวิตามินที่ร่างกายสามารถสังเคราะห์ขึ้นได้เองใต้ชั้นผิวหนัง โดยได้รับการกระตุ้นจากรังสี UVB ในแสงแดดอ่อนๆตอนเช้า หรือตอนเย็น นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราจึงควรออกมารับแสงแดดอ่อนๆกันบ้าง นอกจากนี้เรายังสามารถเพิ่มวิตามินดีให้กับร่างกายได้ด้วยการรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินดีสูง อย่างเช่น ปลาที่มีไขมันสูง พวกปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาดีน ปลาทู ถั่ว ธัญพืช ไข่ ผลิตภัณฑ์จากนมและชีส เป็นต้น ในปัจจุบัน มีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีส่วนประกอบของวิตามินดี ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อการรักษาระดับวิตามินดีในร่างกายได้เช่นเดียวกัน

                อาการขาด วิตามินดี เมื่อวิตามินดีในร่างกายไม่พอ สิ่งที่ตามมาคือ

                เราจะเรียกอาการ ขาดวิตามินดีว่า “ภาวะพร่อง (Vitamin D insufficiency) หรือภาวะขาดวิตามินดี (Vitamin D deficiency)” มักจะพบมากในคนที่อยู่ในเมืองมากกว่าคนที่อยู่ในพื้นที่ชนบทเนื่องจากพฤติกรรมการดำเนินชีวิตนั่นเอง โดยปกติแล้วระดับวิตามินดีในเลือดจะมีค่ามากกว่า 30 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตรแต่ถ้าหากมีภาวะพร่อง หรือภาวะขาดวิตามินดีจะมีระดับวิตามินดีน้อยกว่าระดับปกติข้างต้น ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพในหลายๆด้าน อาทิเช่น

                1. การขาดวิตามินดีเป็นระยะเวลานานๆ จะทำให้การดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสลดลง เกิดโรคเกี่ยวกับกระดูก ไม่ว่าจะเป็นโรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) โรคกระดูกบาง (Osteopenia) โรคกระดูกน่วม (Osteomalacia) โรคกระดูกอ่อนในเด็ก (Rickets) เป็นความเสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้ม ซึ่งอาจทำให้กระดูกหัก หรือไม่สามารถเคลื่อนไหวตัวได้
                2. ภูมิคุ้มกันต่ำลงและอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการมีระดับแคลเซียมและฟอสฟอรัสในเลือดต่ำ
                3. มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งเกิดจากการหลั่งฮอร์โมนอินซูลินที่ไม่เพียงพอและอาจมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันโลหิตสูงและโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้
                4. อาจทำให้เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Muscle weakness)
                Menopause

                ผู้หญิงกับวิตามินดี เกี่ยวข้องกันอย่างไร?

                จากผลการศึกษาพบว่า เพศหญิงมีโอกาสเป็นโรคเกี่ยวกับกระดูกได้มากกว่าเพศชาย โดยเฉพาะผู้หญิงในวัยสูงอายุ ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ วิตามินดียังมีโครงสร้างคล้ายกับฮอร์โมนเพศ ซึ่งมีส่วนในกระบวนการทำงานต่างๆในร่างกาย ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ช่วยชะลอวัยให้ผิวพรรณดูเต่งตึง สวยงาม รวมไปจนถึงการช่วยลดความเครียดและภาวะซึมเศร้าได้ โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีอาการวัยทอง ซึ่งเรารู้กันดีว่า ในวัยนี้ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายกำลังมีการเปลี่ยนแปลง ผู้หญิงที่มีอาการวัยทองจึงมักมีอารมณ์เปลี่ยนแปลงฉับพลัน อารมณ์แปรปรวนง่าย หงุดหงิด ฉุนเฉียว ร้อนๆหนาวๆ หลงๆลืมๆ เจ้าวิตามินดีนี่แหละที่จะช่วยให้ผู้หญิงช่วยรักษาสมดุลของฮอร์โมนในร่างกายได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายที่ได้รับการตรวจฮอร์โมนจะช่วยให้ทราบได้ว่าร่างกายของเรามีความสมดุลหรือไม่

                ฉีดวิตามินดี ราคา เท่าไร แบบกิน หรือฉีดดีกว่ากัน?

                วิตามินดี ราคาเท่าไหร่? แบบกิน หรือแบบฉีดดีกว่ากัน? ขึ้นอยู่กับว่าความต้องการของร่างกายเราเป็นแบบไหนมากกว่าแต่ทางที่ดีที่สุดขอแนะนำให้ทำการปรึกษาแพทย์สำหรับตรวจวัดระดับวิตามินดีในเลือด ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานวิตามินดีเสริม หรือการฉีดวิตามินดีย่อมขึ้นอยู่กับปริมาณวิตามินดีในร่างกาย หากเราได้รับวิตามินดีมากเกินความต้องการ อาจจะเกิดโทษมากกว่าเกิดประโยชน์ก็เป็นได้ โดยปกติแล้วปริมาณวิตามินดีที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวันจะอยู่ที่ 600-800 IU เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและมีภูมิต้านทานนั่นเองค่ะ

                เติม Vitamin D เพื่อฟื้นฟูการทำงานของฮอร์โมนเพศหญิงให้สมบูรณ์ขึ้น

                อย่างที่เราได้ทราบประโยชน์ของวิตามินดีกันไปเรียบร้อยแล้ว การเติมวิตามินดีจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับการฟื้นฟูการทำงานของฮอร์โมนเพศให้สมบูรณ์ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการลดความเครียด ลดอาการซึมเศร้า ช่วยให้นอนหลับสบาย เมื่อร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ก็จะมีการผลิตโกรทฮอร์โมนได้เพียงพอ ระดับฮอร์โมนก็จะมีความสมดุลมากขึ้น คราวนี้ก็ถึงเวลาที่คุณผู้หญิงจะได้เปล่งประกายจากภายในสู่ภายนอก นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวพรรณแลดูอ่อนกว่าวัย เต่งตึง สวยงามและทำให้คุณผู้หญิงมีความสุขมากยิ่งขึ้น

                สรุปวิตามินดีกับสุขภาพของสาวๆ

                ร่างกายของคนเราทุกคนต้องการวิตามินดี ไม่ว่าจะมาจากการรับแสงแดดอ่อนๆ การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินดี การรับประทานอาหารเสริม หรือการฉีดวิตามินดีเข้าสู่ร่างกายล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ดีต่อร่างกายทั้งสิ้น ทั้งนี้ทั้งนั้นการรับวิตามินดีเข้าสู่ร่างกายควรอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมเพราะไม่เช่นนั้นอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้ การตรวจฮอร์โมนและตรวจระดับวิตามินดีช่วยให้คุณทราบว่าร่างกายอยู่ในภาวะขาดวิตามินดีหรือไม่ ในขณะเดียวกันก็สามารถทำการปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำในการรักษาได้ เพื่อสุขภาพที่ดีของทุกๆคน ไม่ควรมองข้ามความสำคัญของวิตามินดีกันนะคะ

                Rejuvet Clinic กับผลิตภัณฑ์วิตามินดีเพื่อนสาวๆโดยเฉพาะ

                Rejuvet Clinic เป็นคลินิกเฉพาะทางเพื่อสุขภาพของเพศสตรีแบบองค์รวม โดยมีทีมงานผู้ชำนาญการคอยให้คำปรึกษาและดูแลคุณอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าปัญหาไหนที่สาวๆประสบพบเจออยู่ ขอให้บอกเราได้เลย เรื่องผู้หญิงเราถนัดทุกเรื่อง! เริ่มต้นจากการตรวจเช็คสุขภาพ ตรวจฮอร์โมน ภาวะวัยทอง ฟื้นฟูน้องสาวและอื่นๆ ตอบโจทย์ความต้องการทุกปัญหาสุขภาพของสาวๆทุกวัย สาวๆท่านไหนที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์วิตามินดีขอแนะนำให้ทำการติดต่อเพื่อจองคิวปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการวางแผนการรักษาเพื่อสุขภาพที่ดีของคุณได้เลย ทีมงาน Rejuvet ยินดีให้คำปรึกษาสาวๆทุกท่านด้วยความยินดีค่ะ สามารถแอดไลน์ได้ที่ Line: @rejuvetbangkok หรือเบอร์ 063-552-2244 และ 02-044-2788 ได้เลยค่ะ

                ลงทะเบียนรับคำปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

                ปัญหาช่องคลอดแห้ง คืออะไร เกิดจากอะไร รักษาได้อย่างไร ปัญหาของผู้หญิงวัยทอง

                ปัญหาช่องคลอดแห้ง คืออะไร เกิดจากอะไร รักษาได้อย่างไร ปัญหาของผู้หญิงวัยทอง

                เมื่อคุณผู้หญิงเริ่มก้าวเข้าสู่วัยทองหรือวัยหมดประจำเดือน แน่นอนว่าร่างกายจะต้องเริ่มส่งสัญญาณบางอย่างออกมาเตือน ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ที่หงุดหงิด ฉุนเฉียวง่าย เนื่องจากความแปรปรวนของระดับฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งอีกหนึ่งสัญญาณที่กวนใจคุณผู้หญิงในช่วงวัยทองหลายๆท่านก็คือปัญหาช่องคลอดแห้ง ที่ไม่เพียงแต่จะทำให้เกิดอาการคันและระคายเคืองแล้ว แต่ยังส่งผลกระทบกับเรื่องความสัมพันธ์บนเตียงได้อีกด้วย แต่ทว่าปัญหาดังกล่าวนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับคุณผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนเพียงเท่านั้น แต่ยังสามารถเกิดขึ้นได้กับทั้งวัยรุ่น และวัยสาวได้อีกด้วยค่ะ
                เลือกอ่านหัวข้อที่ชอบ
                  Add a header to begin generating the table of contents

                  ลงทะเบียนฟรี แก้ปัญหาช่องคลอดแห้งด้วยเลเซอร์ ไม่ต้องพักฟื้น ราคาพิเศษ พร้อมปรึกษาฟรี

                  bikini laser hair removal

                  ภาวะช่องคลอดแห้งคืออะไร

                  ภาวะช่องคลอดแห้ง (Vaginal Dryness) คือสภาวะที่ช่องคลอดมีปริมาณน้ำหล่อลื่นลดลง ส่งผลให้บริเวณช่องคลอดขาดความชุ่มชื่นจนอาจรู้สึกเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ ทั้งนี้สาเหตุหลักที่เกิดกับผู้หญิงส่วนใหญ่นั้นมาจากการที่ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งเป็นฮอร์โมนของเพศหญิงลดต่ำลงตามธรรมชาตินั่นเองค่ะ

                  ปัญหาช่องคลอดแห้งเจอได้ในผู้หญิงช่วงวัยไหนบ้าง?

                  โดยส่วนใหญ่ปัญหาช่องคลอดแห้งมักจะพบในผู้หญิงวัยหลังหมดประจำเดือนหรือ ‘วัยทอง’ แต่จากการวิจัยและสำรวจข้อมูลยังพบอีกว่าผู้หญิงที่มีอาการช่องคลอดแห้งนั้นยังสามารถพบได้ในวัยก่อนวัยหมดประจำเดือนได้อีกด้วย ซึ่งสามารถพบได้ตั้งแต่วัยรุ่นไปจนถึงวัยผู้ใหญ่เช่นกันค่ะ

                  ช่องคลอดแห้ง เกิดจากอะไร มีสาเหตุมาจากอะไร

                  อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่าสาเหตุหลักของการเกิดภาวะช่องคลอดแห้งตามธรรมชาติก็คือระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงตามช่วงวัย แต่ทว่าระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนยังสามารถลดลงได้จากสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับปัญหาด้านสุขภาพได้ด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มผู้ป่วยที่รับประทานยารักษาโรคความดันโลหิต โรคทางจิตเวช โรคภูมิแพ้ และกลุ่มที่ฉีดยาเพื่อลดขนาดก้อนเนื้องอกในมดลูก เป็นต้น

                  นอกจากปัญหาด้านสุขภาพที่ส่งผลกระทบต่อภาวะความแห้งของช่องคลอดแล้ว ยังมีอีกหลายสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงเราพบเจอกับปัญหานี้ ไม่ว่าจะเป็น อาการแพ้สบู่อาบน้ำ น้ำยาล้างจุดซ่อนเร้น การสวนล้างช่องคลอดอย่างเป็นประจำ หรืออาการแพ้ผ้าอนามัย เป็นต้น ซึ่งสาเหตุเหล่านี้ล้วนแต่ส่งผลกระทบต่อช่องคลอดทั้งสิ้น

                  female homone

                  ช่องคลอดแห้ง มีอาการอย่างไร ก่อให้เกิดปัญหาอะไร

                  จากสาเหตุของการเกิดภาวะช่องคลอดแห้งสามารถนำไปสู่การสูญเสียสมดุลความเป็นกรดในช่องคลอดได้ ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากการสูญเสียแบคทีเรียชนิดดีอย่างแลคโตบาซิลัสที่ช่วยรักษาสภาวะความเป็นกรดในช่องคลอดผู้หญิง แต่มีแบคทีเรียก่อโรคชนิดอื่นเข้ามาอยู่แทนที่เนื่องจากค่า pH นั้นเปลี่ยนแปลงไปนั่นเองค่ะ

                  ผู้ที่มีอาการภาวะช่องคลอดแห้งนั้นอาจมีอาการตลอดเวลาหรือขณะมีเพศสัมพันธ์เท่านั้น ซึ่งอาการที่มักพบคืออาการระคายเคือง อาการคัน แสบร้อน หรืออาการเจ็บแสบขณะปัสสาวะ นอกจากนี้ยังมีอาการปัสสาวะเล็ด มีตกขาวออกบ่อยๆ และมีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งหากคุณปล่อยไว้อาจทำให้เกิดอาการที่รุนแรงมากยิ่งขึ้นนั่นก็คือการติดเชื้อในช่องคลอดนั่นเองค่ะ

                  อย่างไรก็ตามคุณผู้หญิงที่เริ่มสังเกตตัวเองและพบว่าอาจกำเริ่มมีปัญหา เราแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อลดการติดเชื้อที่อาจรุนแรงขึ้นในอนาคต

                  เมื่อมีปัญหาช่องคลอดแห้ง ทำไงดี รักษาอย่างไร

                  สำหรับคุณผู้หญิงที่อาจเริ่มมองเห็นสัญญาณของการเกิดปัญหาช่องคลอดแห้งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ สิ่งที่คุณผู้หญิงจะช่วยลดและหลีกเลี่ยงอาการรุนแรงต่างๆ ที่อาจตามมาได้ก็คือ การรับประทานอาหารที่มีองค์ประกอบของฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง เช่น ถั่วเหลือง ผลไม้แห้ง งา กระเทียม ลูกพีช และผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เป็นต้น

                  นอกจากการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และมีเอสโตรเจนประกอบแล้ว การเลือกทำความสะอาดช่องคลอดก็ควรล้างด้วยน้ำสะอาด ไม่ควรใช้สบู่หรือน้ำยาล้างจุดซ่อนเร้น เนื่องจากมีค่าความเป็นเบสสูง ไม่สวนล้างช่องคลอด และใช้เจลหล่อลื่นในขณะที่มีเพศสัมพันธ์นั่นเองค่ะ

                  แต่หากใครที่มีอาการที่น่ากังวลมากยิ่งขึ้นและรู้สึกว่าต้องการการดูแลที่เห็นผลได้รวดเร็วกว่านี้ก็สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อใช้ฮอร์โมนทดแทนได้ด้วยเช่นกัน

                  อาหารบำรุง ช่องคลอดแห้ง

                  สำหรับอาหารบำรุงช่องคลอดแห้ง จากการศึกษาพบว่าถั่วเหลืองเป็นอาหารที่ผู้หญิงที่เริ่มมีปัญหาช่องคลอดแห้งควรรับประทาน โดยรวมถึงอาหารที่ทำจากถั่วเหลือง เช่น น้ำเต้าหู้ เต้าหู้ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีอาหารอีกมากมายหลายชนิดที่มีปริมาณของฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง เช่น ผลไม้ตระกูลบเบอร์รี่ ลูกพีช ผลไม้แห้ง ได้แก่ พรุน อินทผาลัม เป็นต้น ตลอดจนการรับประทานงา กระเทียม ผักสด ข้าวกล้อง และผักใบเขียวก็สามารถช่วยได้เช่นกันค่ะ

                  รักษาอาการช่องคลอดแห้งกับ Rejuvet Clinic

                  หากปัญหาช่องคลอดแห้งเกิดขึ้นกับคุณผู้หญิงท่านใดก็ตามอย่าปล่อยให้ปัญหานี้กวนใจ คุณสามารถเข้าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเข้ารับการตรวจโดยละเอียด ตลอดจนการปฏิบัติตนตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างเคร่งครัด แม้ว่าปัญหาการมีช่องคลอดแห้งจะไม่ได้มีอาการแทรกซ้อนอื่นๆ ที่รุนแรง แต่มันอาจนำไปสู่การสะสมของเชื้อแคทีเรียชนิดไม่ดีแทนได้นั่นเองค่ะ


                  อีกหนึ่งวิธีแก้ปัญหาช่องคลอดแห้งที่ Rejuvet Clinic คือการทำ Revergin ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของคลินิก โดยใช้ Heat Protector Gel ที่มีความบริสุทธิ์สูง ร่วมกับเครื่อง New ThermiVa โดยขณะทำจะมีความรู้สึกอุ่นๆเท่านั้น ไม่เจ็บหรือก่อให้เกิดการระคายเคืองแต่อย่างใด ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ช่องคลอดกลับมาชุ่มชื้น ไม่แห้งแล้ว ยังช่วยให้ช่องคลอดเรียบเนียน กระชับ และมีสีสวยสดอีกด้วยค่ะ หากผู้อ่านต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำ Revergin หรือต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาช่องคลอดแห้งและวิธีไข สามารถปรึกษาได้ที่เบอร์ 02-044-2788, 063-552-2244 หรือแอดไลน์ที่ ID: @rejuvetclinic รับคำแนะนำก่อนเข้ารับบริการจริงได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆค่ะ

                  ลงทะเบียนรับคำปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

                  รู้จักและรับมือกับวัยทอง วัยทอง คืออะไร วัยทองอาการ อย่างไร วัยทองอายุ เท่าไร

                  รู้จักและรับมือกับวัยทอง วัยทอง คืออะไร วัยทองอาการ อย่างไร วัยทองอายุ เท่าไร

                  ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง หรือเป็นผู้ชายทุกคนล้วนมีฮอร์โมนกันทั้งสิ้น ฮอร์โมนก็คือ สารเคมีที่ร่างกายสร้างขึ้นจากต่อมไร้ท่อเพื่อแยกกันทำหน้าที่ในการควบคุมการทำงานของเซลล์ต่างๆทั่วร่างกาย โดยปกติแล้วมนุษย์เรามีฮอร์โมนหลายชนิดและมีส่วนสำคัญต่อกระบวนการการทำงานของร่างกาย พูดให้เข้าใจง่ายๆคือ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ล้วนแล้วแต่มีเรื่องของฮอร์โมนเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น ในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับวัยทองในผู้หญิง ซึ่งหลายๆคนกำลังประสบปัญหาเรื่องนี้อยู่ เราจะมาดูกันว่าวัยทองคืออะไร? อายุเท่าไหร่? สาเหตุและปัจจัยกระตุ้น? รวมทั้งผลกระทบที่เกิดจากวัยทอง แล้วเราจะรู้ทันปัญหาวัยทองได้อย่างไร? ติดตามได้ในบทความนี้เลย!

                  เลือกอ่านหัวข้อที่ชอบ
                    Add a header to begin generating the table of contents

                    ลงทะเบียนฟรี ตรวจระดับสมดุลฮอร์โมน แก้ปัญหาวัยทอง ราคาพิเศษ พร้อมปรึกษาฟรี

                    Menopause

                    วัยทองคืออะไร?

                    ภาวะวัยหมดประจำเดือน หรือสตรีวัยหมดระดู หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า “วัยทอง” คือ ภาวะของสตรีที่ไม่มีประจำเดือนอีกต่อไปเป็นช่วงเวลาที่รังไข่หยุดทำการผลิตไข่ ร่างกายจึงขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน เป็นสาเหตุทำให้ร่างกายและจิตใจของผู้หญิงมีการเปลี่ยนแปลง การเป็นวัยทองจะเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์เมื่อประจำเดือนไม่มาติดต่อกันเป็นระยะเวลา 1 ปี

                    วัยทอง สาเหตุและปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เกิดวัยทอง

                    วัยทอง มีสาเหตุหลักๆ มาจากการขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน หรือภาวะรังไข่ที่ผลิตฮอร์โมนได้น้อยลง จนกระทั่งหยุดสร้างฮอร์โมนไปเอง ซึ่งเป็นหนึ่งในกระบวนการการเปลี่ยนแปลงไปตามวัย (Aging Process) ของมนุษย์ ในบางกรณีอาจเข้าสู่วัยทองก่อนอายุ 40 ปี อาจมีสาเหตุและปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เกิดวัยทอง ดังนี้

                    1. คนในครอบครัวมีประวัติการเข้าสู่วัยทองก่อนกำหนด
                    2. อาจเกิดจากความผิดปกติของโครโมโซม x ซึ่งเป็นโครโมโซมเกี่ยวกับโรคภูมิต้านทานเนื้อเยื่อ
                    3. การรักษาพยาบาลและการใช้ยาบางชนิดที่มีผลต่อระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน เช่น การผ่าตัดรังไข่ การผ่าตัดเชิงกราน เคมีบำบัด การรักษาโดยใช้รังสี เป็นต้น

                    วัยทอง อายุเท่าไร?

                    วัยหมดประจำเดือนจะเกิดขึ้นในช่วงอายุระหว่าง 44-55 ปี จะเป็นวัยทองอย่างสมบูรณ์เมื่อประจำเดือนไม่มาติดต่อกันเป็นระยะเวลา 1 ปีเต็ม หากแต่สาวๆที่อายุน้อยกว่านี้ก็อาจจะมีภาวะวัยทองก่อยวัยอันควรได้เช่นกันค่ะหากมีปัญหาเกี่ยวกับความสมดุลของฮอร์โมน
                    Menopause

                    ผลกระทบที่เกิดจากวัยทอง

                    ความสัมพันธ์สามี-ภรรยา “ความรักหล่นหาย หรือฉันย่างเข้าสู่วัยทอง”

                    การเปลี่ยนแปลงของระบบปัสสาวะและระบบสืบพันธุ์ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับอวัยวะเพศและท่อปัสสาวะ ซึ่งเป็นผลมาจากเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงน้อยลง จึงทำให้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศบางลง ขนน้อยลง มักจะมีอาการช่องคลอดแห้ง ติดเชื้อและคันในช่องคลอดและรู้สึกเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ เป็นสาเหตุของการลดลงของความต้องการทางเพศ รวมทั้งความหย่อนยานของกระบังลมและมดลูกทำให้กล้ามเนื้อหูรูดท่อปัสสาวะอ่อนแอ เกิดการอักเสบ ส่งผลให้ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะเล็ด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือปัสสาวะลำบากได้

                    ผลเสียต่อสุขภาพร่างกายและการใช้ชีวิต ตื่นมาอารมณ์เสีย, หลับตื้น ตื่นง่าย, ความเครียด วิตกกังวล

                    1. มีอาการร้อนวูบวาบ (hot flush) บริเวณลำตัวส่วนบน เริ่มต้นตั้งแต่ใบหน้า คอ ศีรษะ หน้าอกและมีอัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น  มีเหงื่อออกมากโดยเฉพาะเวลาตอนกลางคืน หรือแม้กระทั่งเวลานอนหลับ ซึ่งอาการเหล่านี้จะมีความถี่และความรุนแรงมาก ส่งผลรบกวนต่อการใช้ชีวิตประจำวัน รู้สึกร้อนหงุดหงิด อ่อนเพลียและปวดศีรษะได้
                    2. ผิวหนังเหี่ยวย่น เหี่ยวแห้ง บางลง ขาดความยืดหยุ่น เกิดรอยช้ำ เป็นแผล เป็นฝ้า กระได้ง่าย รวมไปจนถึงเล็บเปราะหักง่าย ผมหลุดร่วง หรือบางลง ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ร่างกายขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนและสูญเสียวิตามินดีๆในร่างกาย รวมทั้งการสูญเสียคอลลาเจน ในขณะที่การผลิตคอลลาเจนนั้นไม่ได้ประสิทธิภาพดีเหมือนตอนแรกรุ่น
                    3. อาการวิตกกังวล หงุดหงิด ขาดสมาธิ นอนไม่หลับ หรือมีภาวะซึมเศร้า อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย การสูญเสียความงาม หรือเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมาในชีวิต ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมทางครอบครัวและสังคมเป็นปัจจัยร่วมด้วย
                    4. การเป็นโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดตีบตัน การขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งมีหน้าที่สำคัญในการลดไขมันตัวร้าย (LDL) จะทำให้ไขมันไปเกาะที่ผนังเลือดได้ง่าย เป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง ตามมาด้วยโรคเรื้อรังอื่นๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคอัลไซเมอร์ ภาวะน้ำหนักตัวเกิน โรคไขมันในเลือดสูง เป็นต้น
                    5. การเป็นโรคกระดูกพรุน โดยปกติแล้วมีสาเหตุมาจากการเสื่อมสภาพของร่างกายตามอายุการใช้งาน ซึ่งจะพบมากในเพศหญิง วัยทอง ซึ่งส่งผลรบกวนการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน บางรายถึงขั้นทุพพลภาพ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้

                    สมดุลฮอร์โมนเพศ มีความสำคัญต่อผู้หญิงอย่างไร?

                    ความสมดุลของฮอร์โมนเพศ มีความสำคัญในกระบวนการการทำงานของระบบต่างๆของร่างกายให้ทำงานได้เป็นปกติ การขาดสมดุลของฮอร์โมนเพศ อาจเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดความผิดปกติในร่างกายและปัญหาสุขภาพเรื้อรังได้ เช่น การขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน ในช่วงระยะแรกทำให้ระบบเผาผลาญพลังงานลดลง เกิดภาวะน้ำหนักตัวเกิน หรือโรคอ้วน ในขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดปัญหาผิวพรรณต่างๆ เช่น ผิวแห้ง คันระคายเคือง เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่น นอกจากนี้ยังมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคอื่นๆตามมาได้ ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงของร่างกายเกิดความชัดเจนมากขึ้น ผู้หญิงมักจะมีอาการวิตกกังวล หรือมีภาวะซึมเศร้าเกี่ยวกับความมั่นใจ ความสวยงามของตนเองที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป เกิดภาวะทางจิตใจ อารมณ์แปรปรวน ทำให้รู้สึกหงุดหงิดง่าย หลงๆลืมๆ ทั้งการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายและจิตใจทำให้ความต้องการทางเพศลดลงไปด้วย ดังนั้นสมดุลของฮอร์โมนเพศจึงมีความสำคัญต่อผู้หญิงแบบองค์รวมเลยทีเดียว

                    Check list ว่าเรามีภาวะวัยทองหรือไม่?

                    • ประจำเดือนเริ่มมาไม่สม่ำเสมอตามรอบเดือน บางเดือนก็ไม่มาเลย
                    • มีอาการร้อนวูบวาบ ใจสั่น เหนื่อยง่าย มีเหงื่อออกมากโดยเฉพาะตอนกลางคืน หรืออยู่ดีๆก็หนาวสั่น
                    • ปวดศีรษะ ปวดตามข้อต่อ อ่อนเพลีย ไม่อยากทำอะไร
                    • อารมณ์แปรปรวนเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว รู้สึกวิตกกังวล หงุดหงิดง่าย ความอดทนอดกลั้นน้อยลง ไม่มีสมาธิ มีอาการหลงๆลืมๆ
                    • นอนหลับยาก หลับตื้น ตื่นง่าย
                    • ผิวหนังแห้งเหี่ยว ไม่ยืดหยุ่น ผิวบาง คันระคายเคือง เกิดผื่นแพ้ง่าย เล็บเปราะหักง่าย เส้นผมหยาบกระด้าง ผมร่วง ผมบาง ผมไม่เงางาม
                    • มีความต้องการทางเพศลดลง เจ็บในขณะมีเพศสัมพันธ์ ช่องคลอดแห้ง คันระคายเคือง

                    หากผู้อ่านมีความสงสัยว่าตนเองมีภาวะวัยทองและต้องการคำแนะนำหรือคำปรึกษา รวมทั้งต้องการตรวจฮอร์โมนเพื่อแก้ไขและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดจากภาวะวัยทอง สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Rejuvet Clinic ซึ่งมีโปรแกรมตรวจเช็คฮอร์โมนเพศหญิง เราเป็นคลินิกสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ สาวๆสามารถแอดไลน์เพื่อสอบถามได้ที่ Line ID: @rejuvetbangkok หรือที่เบอร์ 063-552-2244 และ 02-044-2788 ทีมงาน Rejuvet Clinic ทุกคนยินต้อนรับและให้คำปรึกษาสาวๆค่ะ

                    ลงทะเบียนรับคำปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

                    ปัญหา ช่องคลอดหลวมในคุณแม่หลังคลอดธรรมชาติ คลอดลูก ช่องคลอดหลวม จริงหรือไม่?

                    ปัญหา ช่องคลอดหลวมในคุณแม่หลังคลอดธรรมชาติ คลอดลูก ช่องคลอดหลวม จริงหรือไม่?

                    การตั้งครรภ์ เป็นภาวะที่ทำให้ร่างกายของผู้หญิงส่วนใหญ่มีการเปลี่ยนแปลง เริ่มตั้งแต่การเตรียมความพร้อมของมดลูกสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อน การก่อตัวหนาขึ้นของเยื่อบุผนังคลอด เนื้อเยื่อเกี่ยวพันและกล้ามเนื้อเรียบบริเวณช่องคลอดและปากช่องคลอดคลายตัวลง สามารถขยายตัวสำหรับการคลอดทารกได้ กระบวนการเหล่านี้ถือว่าเป็นกระบวนการคลอดธรรมชาติที่เรารู้จักกันดี

                    แต่ในความเป็นจริงแล้วยังคงไม่เพียงพอต่อการคลอดทารกคนหนึ่ง ยิ่งทารกขนาดตัวมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องมีการกรีด หรือตัดฝีเย็บเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นคำถามที่ว่าคลอดลูก ช่องคลอดหลวมจริงหรือไม่? คลอดธรรมชาติ ช่องคลอดหลวม ไหม? สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ในบทความนี้

                    เลือกอ่านหัวข้อที่ชอบ
                      Add a header to begin generating the table of contents

                      ลงทะเบียนฟรี เลเซอร์แก้ปัญหาช่องคลอดหลวมหลังคลอด ราคาพิเศษ พร้อมปรึกษาฟรี

                      Loose-vagina-after-childbirths002 (1)

                      คลอดธรรมชาติ ช่องคลอดหลวมไหม?

                      ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า เพียงแค่การเริ่มต้นตั้งครรภ์ก็ทำให้ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก ร่างกายจะทำงานตามกระบวนการธรรมชาติเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อน ทั้งมดลูกที่ขยายใหญ่ขึ้น การก่อตัวหนาขึ้นของเยื่อบุผนังคลอด ปากมดลูกที่ขยายตัว เต้านมที่ขยายใหญ่ขึ้น เนื้อเยื่อเกี่ยวพันหลวมลงและกล้ามเนื้อเรียบขยายตัวมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาเตรียมพร้อมสำหรับให้กำเนิดบุตร

                      ภาวะช่องคลอดหลวมโดยปกติแล้วมักจะเกิดขึ้นกับสตรีที่คลอดธรรมชาติ นอกจากร่างกายจะเตรียมความพร้อมแล้ว ในบางกรณีที่ทารกมีขนาดตัวใหญ่ แพทย์จะต้องทำการกรีด หรือตัดฝีเย็บเพื่ออำนวยความสะดวกให้ทารกสามารถเคลื่อนตัวผ่านช่องคลอดออกมาได้ ในสตรีบางราย ความตึงบริเวณที่กรีด หรือตัดฝีเย็บจะตึง หรือขาดในที่สุด จึงเป็นสาเหตุของการมีช่องคลอดหลวมและหย่อนยานได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นการคลอดธรรมชาติ ทำให้ช่องคลอดหลวมได้จริงและมีโอกาสที่ช่องคลอดจะหย่อนยานมากกว่าการผ่าคลอด

                      ช่องคลอดหลวมหลังคลอด มีอาการอย่างไร?

                      คลอดธรรมชาติแล้วช่องคลอดหลวม ส่วนมากประมาณ 6 สัปดาห์หลังคลอด ช่องคลอดจะกลับสู่สภาพเดิมแต่ก็ไม่เสมอไป ขึ้นอยู่กับกล้ามเนื้อบริเวณช่องคลอดด้วย คุณจะสามารถสังเกตอาการช่องคลอดหลวมหลังคลอดได้จากความรู้สึกหลวมๆในช่องคลอด รู้สึกหนักๆ หรือปวดถ่วงๆบริเวณท้องน้อย รู้สึกเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ การมีลมออกจากช่องคลอดในขณะที่มีเพศสัมพันธ์ เวลาไอ จามแรงๆ หรือขณะทำกิจกรรมที่ใช้แรงมากๆจะมีอาการปัสสาวะเล็ดและกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ร่วมด้วย บางรายมีอาการรุนแรงงถึงขั้นมดลูกหย่อน มดลูกต่ำ หรือมีก้อนยื่นออกมาจากช่องคลอดได้

                      ปัญหาที่ตามมาเมื่อเกิดภาวะช่องคลอดหลวมหลังคลอดลูกแบบธรรมชาติ

                      ภาวะช่องคลอดหลวมหลังคลอดลูกแบบธรรมชาติ อาจจะสามารถคืนสู่สภาพเดิมได้หากกล้ามเนื้อบริเวณช่องคลอดแข็งแรง หรือมีการฝึกขมิบอยู่บ่อยๆ ซึ่งภาวะช่องคลอดหลวมไม่ได้มีเพียงผลกระทบในด้านการใช้ชีวิตประจำวันเท่านั้นแต่ยังส่งผลกระทบถึงความมั่นใจในการมีเพศสัมพันธ์ที่ส่งผลถึงปัญหาชีวิตคู่ รวมไปจนถึงสภาวะทางอารมณ์และจิตใจด้วย
                      Loose-vagina-after-childbirths001 (1)

                      คลอดลูก ช่องคลอดหลวม มีวิธีแก้อย่างไร?

                      ปัญหาช่องคลอดหลวมเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่สำหรับผู้หญิงที่มีบุตรแต่ในปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย การคลอดลูกแล้วช่องคลอดหลวมมีวิธีแก้ที่เห็นผลได้จริงและเป็นที่นิยมมาก ได้แก่ เลเซอร์รีแพร์และการผ่าตัดรีแพร์ 

                      • การผ่าตัดรีแพร์ เป็นการรักษาทางการแพทย์ที่แพทย์จะทำการตัดแต่งผนังช่องคลอดส่วนที่หย่อนยานเพื่อให้ผนังช่องคลอดมีความตึงกระชับและแข็งแรงมากยิ่งขึ้น โดยปกติแล้วจะใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 3-6 วันขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลและจะเห็นผลอย่างชัดเจนภายใน 1 ถึง 3 เดือนแรก ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงเมื่อรวมค่าพักฟื้นในโรงพยาบาลแล้ว
                      • เลเซอร์รีแพร์ หรือเลเซอร์กระชับช่องคลอด เป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่ช่วยกระตุ้นให้เนื้อเยื่อบริเวณผนังช่องคลอดมีการสร้างคอลลาเจนขึ้นมา อย่างที่เราทราบกันดีว่า คอลลาเจนมีส่วนช่วยให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น อิ่มน้ำและเต็มฟู จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นมีความกระชับและยืดหยุ่นโดยที่ไม่ต้องทำการผ่าตัด หรือพักฟื้นใดๆ จะมีเพียงแค่ความรู้สึกอุ่นๆในขณะที่ทำการเลเซอร์เท่านั้น

                      Revergin จาก Rejuvet Clinic แก้ปัญหาช่องคลอดหลวมหลังคลอดของคุณแม่

                      ปัญหาช่องคลอดหลวมที่เป็นปัญหาหนักใจสำหรับผู้หญิงที่คลอดบุตรด้วยวิธีการธรรมชาติ รวมไปจนถึงปัญหาอื่นๆ เช่น อาการมดลูกหย่อน ปัสสาวะเล็ด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ รู้สึกเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ หรือความสุขทางเพศลดลง ที่ Rejuvet Clinic มี Revergin เลเซอร์รีแพร์ช่วยรักษาภาวะช่องคลอดหลวม ซึ่งเป็นเวชสำอางที่มีความบริสุทธิ์ ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้และเห็นผลได้อย่างชัดเจน ช่วยฟื้นฟูกระชับช่องคลอดทั้งผิวด้านในและด้านนอกให้กลับมากระชับเหมือนตอนสาวๆ

                      ด้วยนวัตกรรม New Thermiva จากประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นพลังงานคลื่นวิทยุที่มีอุณหภูมิประมาณ 40-47 C° ทำหน้าที่ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนจากภายในสู่ภายนอก ซึ่งโปรแกรมนี้รักษาทั้งหมด 3 ครั้ง เว้นระยะห่างครั้งละ 1 เดือน ในราคาที่เอื้อมถึง เห็นผลได้อย่างชัดเจน ไม่เจ็บ ไม่ต้องพักฟื้นและมีความปลอดภัยสูงอีกด้วยค่ะ

                      ลงทะเบียนรับคำปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมรับราคาพิเศษ