ปัสสาวะเล็ด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ สาเหตุเกิดจากอะไร อายุเท่าไร มีทางแก้อย่างไร

ปัสสาวะเล็ด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ สาเหตุเกิดจากอะไร อายุเท่าไร มีทางแก้อย่างไร

หลายๆคนเข้าใจว่า อาการปัสสาวะเล็ด หรือกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ มักจะเกิดขึ้นในผู้สูงอายุเท่านั้นแต่ในความเป็นจริงแล้วอาการนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้สูงอายุและเกิดขึ้นได้กับผู้หญิง ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปัญหาเรื้อรังที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงหลายๆคน ในบทความนี้เราจะมาศึกษาอาการปัสสาวะเล็ด คืออะไร อาการปัสสาวะเล็ด หรือกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เกิดจากสาเหตุอะไรและสามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงอายุใด พร้อมวิธีรักษาวิธีแก้และข้อแนะนำเพื่อลดอาการปัสสาวะเล็ดของคุณผู้หญิงกันค่ะ
เลือกอ่านหัวข้อที่ชอบ
    Add a header to begin generating the table of contents

    ลงทะเบียนฟรี เลเซอร์แก้ปัสสาวะเล็ด ราคาพิเศษ พร้อมปรึกษาฟรี

    urinary leaking

    ปัสสาวะเล็ด คือ อะไร?

    โรคปัสสาวะเล็ด หรือการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ (Urinary Incontinence) หรือมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “อาการช้ำรั่ว” คือ ภาวะที่ร่างกายไม่สามารถกลั้นปัสสาวะเอาไว้ได้ เป็นหนึ่งในปัญหาเรื้อรังที่พบมากในผู้สูงอายุและผู้หญิงทั่วโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยทั่วไป การใช้ชีวิตประจำวันและความวิตกกังวล โดยปกติแล้ว คนเราจะขับถ่ายปัสสาวะในปริมาณ 400-600 มิลลิลิตรต่อครั้งแต่หากมีปัญหากลั้นปัสสาวะไม่อยู่จะขับถ่ายปัสสาวะน้อยกว่าปริมาณปกติ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มด้วยกัน

    1. กลุ่มที่มีปัสสาวะไหลตลอดเวลา มักพบได้ในคนที่มีโรคทางระบบประสาทและสมอง แม้ว่าจะเดินปกติ หรือเดินเร็วกว่าปกติก็ทำให้ปัสสาวะไหลตลอดเวลาได้ง่าย จนต้องใช้แผ่นอนามัยซับ
    2. กลุ่มที่มีปัสสาวะเล็ดออกมาโดยเฉพาะเวลาทำกิจกรรมต่างๆ หรือออกแรงมากๆ เช่นการออกกำลังกาย การจาม หรือการไอ เป็นต้น นับว่ามีจำนวนครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยโรคปัสสาวะเล็ดที่มีอาการเหล่านี้
    3. กลุ่มที่กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือภาวะที่กระเพาะปัสสาวะทำงานไวเกินไป (Overactive Bladder) มักจะปวดปัสสาวะบ่อย หากมีอาการปวดปัสสาวะ ปัสสาวะจะเล็ดออกมาทันที

    อาการปัสสาวะเล็ด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ สาเหตุจากอะไร?

    • การทำงานของกระเพาะปัสสาวะผิดปกติ ซึ่งทำให้เกิดการบีบตัวไวและไม่สามารถควบคุมการถ่ายปัสสาวะได้ ซึ่งอาจจะมีโรคทางระบบประสาทและสมอง หรือติดเชื้อกระเพาะปัสสาวะร่วมด้วย
    • ความผิดปกติของอวัยวะขับถ่าย มักจะพบมากในผู้หญิงที่คลอดบุตร คนที่มีภาวะอ้วน หรือน้ำหนักตัวเกิน ผู้ที่มีเนื้องอกในช่องท้อง ผู้ที่มีอาการท้องผูกเรื้อรังและภาวะไอเรื้อรัง เนื่องจากมีแรงดันสะสมในช่องท้องติดต่อกันเป็นระยะเวลายาวนาน เนื้อเยื่อเกี่ยวพันและกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ซึ่งทำหน้าที่ในการพยุงท่อปัสสาวะ กระเพาะปัสสาวะและหูรูดท่อปัสสาวะหย่อนยานจึงไม่สามารถกักเก็บปัสสาวะเอาไว้ได้
    • อายุที่เพิ่มมากขึ้น ระบบการทำงานต่างๆในร่างกายก็จะเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ลดลงทำให้เยื่อบุช่องคลอดฝ่อและแห้ง
    • ปัญหาทางสมอง หรือร่างกายและโรคประจำตัว มักจะพบได้ในผู้ที่เป็นโรคสมองเสื่อม หรือผู้ที่มีปัญหาทางด้านร่างกาย ซึ่งไม่สามารถเคลื่อนไหว หรือไปห้องน้ำได้ทันเวลา นอกจากนี้โรคประจำตัวบางอย่างก็ส่งผลต่อการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ได้ อย่างเช่น โรคเบาหวานและโรคต่อมลูกหมากโต เป็นต้น
    • การเกิดแรงดันบริเวณช่องท้องจากการออกกำลังกายและทำกิจกรรมที่ใช้แรงมากๆ
    • การรับประทานอาหารที่ระคายเคืองต่อกระเพาะปัสสาวะ เช่น ชา กาแฟ เครื่องดื่มที่อัดลม หรือผลไม้ตระกูลส้ม เป็นต้น
    • เพศหญิงในช่วงวัยหมดประจำเดือน โดยเฉพาะสตรีที่ไม่ได้ทำการบริหารอย่างถูกวิธีในช่วงหลังคลอด

    ปัสสาวะเล็ดราด สามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงอายุใด?

    อาการปัสสาวะเล็ด หรือกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ มักจะเกิดขึ้นในผู้สูงอายุและผู้หญิงทุกวัย เริ่มต้นตั้งแต่อายุ 30 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะสตรีที่มีบุตรและสตรีวัยใกล้หมดประจำเดือน
    leucorrhoea

    วิธีรักษา วิธีแก้ ปัสสาวะเล็ด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่

    วิธีรักษาอาการปัสสาวะเล็ด หรือกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ทำการตรวจและรักษาตามอาการ

    • อาการปัสสาวะเล็ดในช่วงเริ่มต้น อาจจะให้ผู้ป่วยฝึกขมิบและบริหารหูรูดให้กระชับและมีแรงในการกลั้นปัสสาวะ
    • อาการปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากความผิดปกติของระบบประสาท หรือกระเพาะปัสสาวะ แพทย์จะให้ผู้ป่วยทำการปรับพฤติกรรมด้วยการคุมเวลาการปัสสาวะและการดื่มน้ำ รวมทั้งการให้ยารักษา
    • อาการปัสสาวะเล็ดในผู้หญิง แพทย์จะทำการเลเซอร์ยกกระชับช่องคลอดเพื่อทำลายเซลล์เนื้อเยื่อเก่าๆ พร้อมทั้งเสริมคอลลาเจนเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับเนื้อเยื่อ
    • การผ่าตัดแก้อาการปัสสาวะเล็ดผ่านหน้าท้อง หรือช่องคลอดเพื่อเสริมสร้างแรงต้านของท่อปัสสาวะให้ทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งวิธีนี้เห็นผลเร็วและมีประสิทธิภาพสูงทำ โดยแพทย์จะเป็นผู้ทำการประเมินการรักษาตามความเหมาะสมของแต่ละเคส

    ข้อแนะนำเพื่อลดอาการปัสสาวะเล็ด

    ผู้ที่มีอาการปัสสาวะเล็ด หรือกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ให้ทำการฝึกปรับพฤติกรรมของตัวเอง เริ่มต้นที่

    • การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และมีกากใยสูงเพื่อป้องกันอาการท้องผูก
    • การออกกำลังกายที่เหมาะสม ไม่หักโหมและไม่หนักจนเกินไป ครั้งละ 30 นาที สัปดาห์ละ 3-5 วัน
    • การควบคุมน้ำหนักตัวให้พอดีเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะโรคอ้วน หรือน้ำหนักตัวเกิน
    • ดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม คือ 1-1.5 ลิตรต่อวัน แบบค่อยๆจิบตลอดวัน
    • งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ โกโก้และเครื่องดื่มอัดลม รวมทั้งเครื่องดื่มกระตุ้นการปัสสาวะ อย่างเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เป็นต้น


    หลีกเลี่ยงการใช้ยาบางชนิดตามคำแนะนำของแพทย์ โดยดูแลและควบคุมโรคประจำตัวของตัวเองอยู่สม่ำเสมอด้วยการไปพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ

    สำหรับผู้หญิงให้ฝึกขมิบช่องคลอดอยู่เสมอเพื่อเป็นการบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานให้แข็งแรง

    • การขมิบแบบค้างไว้ ครั้งละ 6-8 วินาที วันละ 3 ชุด ชุดละ 20 ครั้ง
    • การขมิบแบบเร็วๆติดต่อกัน วันละ 3 ชุด ประมาณ 10-20 ครั้งต่อชุด

    สรุปปัญหาปัสสาวะเล็ด หรือกลั้นปัสสาวะไม่อยู่

    ปัญหาปัสสาวะเล็ด หรือกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ผู้สูงอายุ หรือผู้หญิงเท่านั้นแต่จะมีโอกาสเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ซึ่งหากเกิดอาการผิดปกติขึ้นแล้วคุณไม่ควรมองข้าม ควรหาโอกาสไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างตรงจุดเพื่อป้องกันปัญหาที่จะกระทบการใช้ชีวิตประจำวัน รวมทั้งโรคเรื้อรังที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต ดังนั้นอย่าอายที่จะไปพบหมอ การรักษาที่ทันเวลาถือเป็นอีกหนึ่งหนทางของการใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขอีกครั้ง
    urinary leaking

    Revirgin บริการยกกระชับช่องคลอด พร้อมแก้ปัญหาปัสสาวะเล็ดที่ Rejuvet Clinic

    Revirgin เลเซอร์รีแพร์ยกกระชับช่องคลอดด้วยเทคโนโลยี New ThermiVa ที่มีการใช้ Heat Protector Gel ความบริสุทธิ์สูง จึงไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ ส่งพลังงานลึก แม่นยำและตรงจุด ทำให้กล้ามเนื้อไม่หย่อนคล้อย ลดปัญหาปัสสาวะเล็ด พร้อมทั้งยกกระชับช่องคลอดได้อีกด้วยค่ะ

    หากคุณผู้หญิงต้องการคำแนะนำหรือต้องการปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาปัสสาวะเล็ดราด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ สามารถรับคำแนะนำเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 063-552-2244 และ 02-044-2788 หรือสามารถแอดไลน์ Line: @rejuvetbangkok ทางทีมงาน Rejuvet ยินดีให้คำปรึกษาสาวๆทุกท่านโดยไม่มีค่าใช้จ่ายก่อนเข้ารับบริการจริงใดๆค่ะ

    ลงทะเบียนรับคำปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมรับราคาพิเศษ

    รีแพร์ คืออะไร รีแพร์ เลเซอร์ ราคา เท่าไร กระชับช่องคลอด แก้ช่องคลอดหลวม เสริมความมั่นใจให้คุณผู้หญิง

    รีแพร์ คืออะไร รีแพร์ เลเซอร์ ราคา เท่าไร แก้ช่องคลอดหลวม เสริมความมั่นใจให้คุณผู้หญิง

    สาวหลายๆคนคงเคยได้ยินคำว่า “รีแพร์” กันอยู่ใช่ไหมคะ? หลายๆคนทราบว่าการรีแพร์คือ การกระชับช่องคลอดเพื่อคืนความมั่นใจให้กับผู้หญิงแต่ผู้หญิงบางคนก็ไม่ทราบว่าการรีแพร์ คืออะไร? ในบทความนี้เราจะมาดูข้อมูลเกี่ยวกับการรีแพร์ของสาวๆ รีแพร์ คืออะไร เหมาะกับใคร รีแพร์ เลเซอร์กระชับช่องคลอดได้จริงหรือไม่ ราคาเท่าไหร่และข้อมูลที่คุณควรทราบ สามารถศึกษาได้ในบทความนี้เลย
    เลือกอ่านหัวข้อที่ชอบ
      Add a header to begin generating the table of contents

      ลงทะเบียนฟรี รับราคารีแพร์โปรโมชั่น 7,900.- ไม่เจ็บ ไม่พักฟื้น

      what is repair for woman

      รีแพร์ คืออะไร

      คำว่า Repair หรือรีแพร์ มีความหมายตรงตัวว่า การซ่อมแซม ใช่แล้วค่ะ การรีแพร์คือ การแก้ไขซ่อมแซมภายในช่องคลอดของผู้หญิงให้กระชับขึ้นด้วยการผ่าตัด หรือเลเซอร์ หรือวิธีอื่นๆเพื่อตกแต่งกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อที่หย่อนยาน หรือเราเรียกว่า “ภาวะช่องคลอดหลวม” โดยเฉพาะสตรีที่ผ่านการคลอดบุตร หรือมีอายุเพิ่มมากขึ้นเพื่อให้ขนาดของช่องคลอดมีขนาดเล็กลง หรือเกิดการหดรัดตัวได้ดีกว่าเดิม คืนความมั่นใจให้กับผู้หญิงมากยิ่งขึ้น

      ใครเหมาะกับทำ รีแพร์ อายุไม่เยอะก็ทำรีแพร์ได้?

      ภาวะช่องคลอดหลวมเกิดจากอุ้งเชิงกรานหย่อนยาน หรือภาวะกระบังลมหย่อน ไม่ว่าจะมีสาเหตุมาจากการมีเพศสัมพันธ์ การตั้งครรภ์และการคลอดบุตร การมีอายุที่เพิ่มมากขึ้น ภาวะน้ำหนักตัวเกิน โรคประจำตัวบางอย่าง หรือแม้กระทั่งกิจกรรมที่เกิดขึ้นในชีวิตประจําวันล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะช่องคลอดหลวมได้ ซึ่งอาการแรกเริ่มที่สังเกตได้ก็คือ ขณะไอ หรือจามแล้วมีปัสสาวะเล็ด หรือกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือแม้กระทั่งรู้สึกว่าน้องสาวไม่กระชับ หรือหดรัดตัวดีเหมือนแต่ก่อน อาการเหล่านี้เป็นต้นเหตุที่ทำให้สาวๆหลายคนรู้สึกไม่มั่นใจและขาดความสุขในเรื่องเพศสัมพันธ์ได้

      และใครว่าภาวะช่องคลอดหลวมจะเกิดขึ้นกับผู้หญิงช่วงอายุสูงวัยเท่านั้นจากปัญหาด้านบนการทํารีแพร์จึงเหมาะสำหรับผู้หญิงที่ผ่านการคลอดบุตรด้วยวิธีธรรมชาติ ผู้หญิงที่มีอายุมากขึ้นช่วงอายุ 30-50 ปีเพื่อความมั่นใจและสตรีที่มีอายุช่วง 60 ปีขึ้นไปเพื่อรักษาภาวะอุ้งเชิงกรานหย่อนยาน

      รีแพร์ กระชับช่องคลอด แก้ช่องคลอดหลวม ได้จริงหรือไม่?

      ผู้หญิงทุกคน แม้ว่าจะไม่เคยแต่งงาน หรือไม่เคยมีบุตรแต่โดยปกติแล้ว ร่างกายของคนเราจะต้องมีการเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา ดังนั้นการแก้ไขความเสื่อมสภาพของเซลล์บุผนังช่องคลอดให้กลับมาใช้งานได้ดีดังเดิม หรือแก้ไขปัญหาความหย่อนยาน การรีแพร์ ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัด หรือรีแพร์ เลเซอร์จึงสามารถช่วยกระชับช่องคลอดได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ในผู้ป่วยบางรายยังสามารถลดภาวะปัสสาวะเล็ดได้อีกด้วย

      ​​รีแพร์ เลเซอร์ กระชับช่องคลอด มีวิธีและขั้นตอนการทำอย่างไร?

      นอกจากการผ่าตัดรีแพร์กระชับช่องคลอดแล้ว ในปัจจุบันยังมีเทคโนโลยีรีแพร์ เลเซอร์ที่ช่วยกระชับช่องคลอดสำหรับผู้หญิง ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการทำการผ่าตัด หรือเข้าผ่าตัดไม่ได้ ผู้ที่ไม่ต้องการพักฟื้นจากการผ่าตัด ผู้ที่ไม่ต้องการรอยแผลเป็น รวมทั้งผู้ที่ทำการผ่าตัดแปลงเพศมาก่อนแล้ว

      การทำเลเซอร์จะต้องดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยสอดหัวเลเซอร์เข้าไปในช่องคลอดและปล่อยพลังงานความร้อนเพื่อกระตุ้นให้เนื้อเยื่อในบริเวณช่องคลอดนั้นหดตัวและกระชับขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนโดยที่ไม่รู้สึกเจ็บปวด จึงสามารถทำให้เห็นผลได้ทันทีหลังจากการทำ

      female homone

      รีแพร์ เลเซอร์ ราคา เท่าไร รีแพร์ช่องคลอด ราคา?

      รีแพร์ เลเซอร์ ราคาจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ดังนี้

      • อุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้ทำรีแพร์ เลเซอร์ ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัด หรือรีแพร์ เลเซอร์อุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้ในกระบวนการจะต้องเป็นอุปกรณ์ชนิดพิเศษที่มีความสะอาด ปลอดเชื้อและปลอดภัยต่อตัวผู้เข้ารับการรักษา ซึ่งการทำรีแพร์ เลเซอร์ จะต้องได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของประเทศไทยเพื่อความมั่นใจความปลอดภัยของผู้เข้ารับการรักษา
      • สถานพยาบาลที่เข้าใช้บริการ การรีแพร์ ราคาจะแตกต่างกันตามสถานพยาบาลที่เข้ารับบริการ ขอแนะนำให้ทำการติดต่อกับสถานพยาบาลโดยตรงเพื่อขอทำการปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสมกับตัวผู้เข้ารับการรักษามากที่สุด
      • แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ การเข้ารับบริการกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีกว่าการได้รับการรักษาในราคาถูกแต่ไม่ใช่กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ นั่นหมายถึงความปลอดภัยและความสะอาดที่ไม่เมาป็นไปตามมาตรฐานนั่นเอง

      ทำรีแพร์ กระชับช่องคลอด พักฟื้นนานไหม?

      การทำรีแพร์ด้วยการผ่าตัด อาจจะใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 3-5 วันในสถานพยาบาล หลังจากที่ทำการผ่าตัดเรียบร้อยแล้วแต่การทำรีแพร์ เลเซอร์จะเป็นเพียงพลังงานความร้อนที่ทำให้รู้สึกอุ่นๆ ไม่รู้สึกเจ็บแสบ บางรายอาจจะมีอาการแดงเล็กน้อย ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1-2 วันก็จะค่อยๆหายไปเองโดยที่ไม่ต้องพักฟื้นและสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติเลยค่ะ

      วิธีดูแลตัวเองหลังทำรีแพร์เพื่อให้เห็นผลชัดเจน

      • หลังจากทำรีแพร์แล้ว ควรดื่มน้ำประมาณ 3-4 ลิตรในช่วงวันแรกหลังจากเข้ารับการรักษา ส่วนวันถัดไป สามารถดื่มประมาณวันละ 2 ลิตรเพื่อเป็นการขับของเสียออกจากร่างกาย
      • หลังจากการทำรีแพร์ประมาณ 48 ชั่วโมงแรก ให้รักษาอุณหภูมิในร่างกายให้อยู่ที่ประมาณ 36 องศา
      • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

      สรุป รีแพร์ กระชับช่องคลอด

      การทํารีแพร์กระชับช่องคลอดสามารถช่วยให้ผู้หญิงกลับมามีความมั่นใจได้อีกครั้ง รีแพร์ เลเซอร์เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการผ่าตัด ไม่ต้องการพักฟื้น ไม่ต้องการรอยแผลเป็น ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็สามารถทำรีแพร์ เลเซอร์ได้ในราคาที่เอื้อมถึง สำหรับผู้ที่สนใจขอแนะนำให้ทำการติดต่อคลีนิคที่มีมาตรฐานและให้บริการโดยทีมแพทย์มากประสบการณ์เพื่อความปลอดภัยและการเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน นอกจากนี้ยังสามารถขอคำปรึกษาเกี่ยวกับรีแพร์ ราคาและรายละเอียดอื่นๆได้เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ
      leucorrhoea

      Revergin รีแพร์ เลเซอร์ จาก Rejuvet Clinic

      REVERGIN โปรแกรมรีแพร์ กระชับช่องคลอด ด้วยเลเซอร์ ที่ Rejuvet Clinic การันตีการให้บริการด้วยรางวัล Thailand No.1 Top Treatment Provider Award ประเภท Woman’s care & Feminine Solutions ถึง 2 ปีซ้อน บริการ Revergin จะช่วยผู้หญิงที่มีปัญหาน้องสาวไม่กระชับ น้องสาวไม่ให้ความร่วมมือขณะมีเพศสัมพันธ์ ความสุขทางเพศลดลง มดลูกหย่อนยาน หรือปัญหาปัสสาวะเล็ด. กลับมามีความมั่นใจมากขึ้นค่ะ

      ด้วยนวัตกรรม New Thermiva จากอเมริกาที่จะช่วยฟื้นฟูทั้งภายในและภายนอกน้องสาวแบบครบวงจร ไม่เจ็บและไม่ต้องพักฟื้นจากการผ่าตัด โดยมีระยะเวลาในการรักษาประมาณ 3 ครั้ง ห่างกัน 4-6 สัปดาห์ ค่ะ

      หากคุณผู้หญิงต้องการคำแนะนำหรือคำปรึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำรีแพร์ หรือการทำ Revergin ที่ Rejuvet Clinic สามารถติดต่อได้ที่ เบอร์ 063-552-2244 และ 02-044-2788 หรือสามารถแอดไลน์ Line: @rejuvetbangkok ทางทีมงาน Rejuvet ยินดีให้คำปรึกษาสาวๆทุกท่านโดยไม่มีค่าใช้จ่ายก่อนเข้ารับบริการจริงใดๆค่ะ

      ลงทะเบียนรับคำปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมรับราคาพิเศษ

      ตกขาว เกิดจากอะไร สีของตกขาว บอกอะไร ตกขาว สีขาวขุ่น ตกขาวเป็นก้อน

      ตกขาว เกิดจาก อะไร ตกขาวเป็นก้อน ตกขาว สีขาวขุ่น สีน้ำตาล บอกอะไรเรา

      พูดถึงเรื่อง “ตกขาว” เชื่อว่าผู้หญิงหลายๆคนคงจะเคยประสบพบเจอกับปัญหาตกขาวกันมาไม่น้อย แต่ก็น่าแปลกใจที่ผู้หญิงหลายๆคนกลับมองข้ามปัญหาเล็กน้อยเหล่านี้ไป ในบทความนี้เราจะมาดูกันว่า ตกขาว เกิดจากอะไร สีของตกขาวบอกอะไรเราบ้าง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาตกขาวเป็นก้อน ตกขาวเป็นสีขาวขุ่นและสีอื่นๆ ศึกษาได้จากบทความนี้เลย
      เลือกอ่านหัวข้อที่ชอบ
        Add a header to begin generating the table of contents

        มีปัญหาตกขาวเป็นก้อน ตกขาวไม่ปกติ ลงทะเบียนปรึกษาฟรี

        leucorrhoea

        ตกขาว คืออะไร

        ตกขาว หรือระดูขาว คือ ภาวะที่ร่างกายขับของเหลวและสารคัดหลั่งออกมาทางช่องคลอด ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในช่วงไข่ตกช่วงระหว่างกลางรอบเดือนและจะเป็นอีกครั้งในช่วงใกล้ๆประจำเดือน ตกขาวมีหน้าที่ในการเป็นสารหล่อลื่น ทั้งช่วยป้องกันการติดเชื้อและลดความระคายเคืองที่เกิดขึ้น โดยปกติแล้วจะมีสีขาว หรือใสและไม่มีกลิ่นเหม็น ซึ่งปริมาณของตกขาวจะมีความแตกต่างกันไปตามสภาพร่างกายของแต่ละบุคคลและช่วงเวลาของรอบเดือน

        ตกขาว เกิดจากอะไร

        เกิดจากการที่ร่างกายขับของเหลวและสารคัดหลั่งออกมาทางช่องคลอด ซึ่งเป็นเรื่องปกติในสตรีวัยเจริญพันธุ์และมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงรอบเดือน โดยปกติแล้วการเป็นตกขาวแสดงให้เห็นถึงระดับฮอร์โมนและความพร้อมในการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งจะเป็นสีขาว หรือใส ไม่มีกลิ่นเหม็น หรือทำให้คันบริเวณอวัยวะเพศและช่องคลอด แต่ถ้าหากว่าคุณมีอาการแบบนั้นเกิดขึ้น แสดงว่าการตกขาวของคุณกำลังบ่งบอกถึงความผิดปกติในร่างกายที่เกิดขึ้นและคุณก็ไม่ควรมองข้ามปัญหาเหล่านั้น

        สีของตกขาวบอกอะไรเราได้บ้าง

        อย่างที่ได้บอกไปว่า การเป็นตกขาวนั้นไม่ควรมองข้าม มาสังเกตสีของตกขาว บอกอะไรเราอยู่?

        1. ตกขาวเป็นก้อน หรือตกขาวสีขาวขุ่น

        การตกขาวเป็นก้อน สีขาวข้นๆ หรือมีสีขาวขุ่น ร่วมกับการส่งกลิ่นเหม็นอับ อาการคันและระคายเคืองบริเวณอวัยวะเพศ บางรายอาจจะมีอาการปัสสาวะขัดร่วมด้วย แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติจากการติดเชื้อราในช่องคลอด

        2. ตกขาวสีเหลืองอ่อนๆ

        การเป็นตกขาวสีเหลืองอ่อนๆ เป็นอาการของตกขาวปกติ แต่ถ้าหากมีลักษณะข้นเหนียวและมีกลิ่นคล้ายนมบูด ร่วมกับการปัสสาวะแล้วมีอาการแสบ คัน ระคายเคือง อาจจะมาจากการใช้ยาปฏิชีวนะในผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทานต่ำเป็นเวลานานๆ

        3. ตกขาวสีเหลือง

        การเป็นตกขาวสีเหลือง ลักษณะไม่เหนียวข้นมากนัก มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวแต่ไม่เหม็นคาว กรณีนี้อาจจะมีอาการแสบ คันร่วมด้วย ส่วนใหญ่มักจะเกิดจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือการใช้สิ่งแปลกปลอมสอดเข้าไปในช่องคลอด อาทิเช่น ผ้าอนามัยแบบสอด หรืออุปกรณ์ทางเพศ รวมทั้งการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อราและไวรัส

        4. ตกขาวสีเทา หรือตกขาวสีเทาอ่อน

        การเป็นตกขาวสีเทา พร้อมกับกลิ่นเหม็นอับ หรือเหม็นคาว มาจากแบคทีเรียในช่องคลอดที่ลดลงจึงทำให้แบคทีเรียก่อโรคมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมีผลทำให้เกิดการอักเสบในช่องคลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการมีเพศสัมพันธ์ หรือหมดประจำเดือนใหม่ๆ รวมทั้งการสวนช่องคลอดหรือการรับประทานยาปฏิชีวนะอย่างต่อเนื่อง

        5. ตกขาวสีเขียว หรือตกขาวสีเหลืองปนเขียว

        การเป็นตกขาวสีเขียว มักจะมาพร้อมกับฟอง กลิ่นคาวและกลิ่นเหม็นเปรี้ยว ส่วนมากมักจะมีอาการคันบริเวณอวัยวะเพศ หรือเป็นผื่นแสบแดงได้ กรณีนี้มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือจากการมีเพศสัมพันธ์

        6. ตกขาวสีชมพู หรือตกขาวสีชมพูอ่อนๆ

        การเป็นตกขาวสีชมพูอ่อน มักจะเกิดจากผู้หญิงที่เพิ่งคลอดลูก เนื่องจากการหลุดลอกของเยื่อบุโพรงมดลูกหลังจากคลอด หรือที่เรียกกันว่า “น้ำคาวปลา” นั่นเอง
        female homone

        ปัญหาตกขาวเป็นก้อน ปัญหากวนใจของผู้หญิง

        การตกขาวเป็นก้อนสีขาว เกิดจากการติดเชื้อราที่ชื่อว่า “Candida albicans” ซึ่งอาจจะทำให้ตกขาวมีสีขาวขุ่น ขาวข้น หรือสีเหลืองขาว ส่งกลิ่นเหม็นอับคล้ายๆนมบูดแต่ไม่มีกลิ่นคาว ซึ่งทำให้มีอาการแสบ คันในช่องคลอดและมีอาการปัสสาวะแสบขัดบางครั้ง อาจเกิดจากการติดเชื้อราชนิดอื่นในช่องคลอดได้

        ตกขาวมีกลิ่น บอกอะไรเรา

        ผู้หญิงแต่ละคนมีกลิ่นเฉพาะเป็นของตัวเองจึงเป็นการยากที่จะบอกว่าตกขาวนั้นมีความผิดปกติ นอกจากสังเกตว่ากลิ่นนั้นเหม็นมากกว่าปกติ โดยเฉพาะในขณะที่มีเพศสัมพันธ์ หรือหลังมีเพศสัมพันธ์ใหม่ๆ เนื่องจากปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นของน้ำอสุจิและอวัยวะเพศของผู้ชายมีความเป็นด่างสูงกับช่องคลอดของผู้หญิง รวมไปจนถึงอาการที่เกิดขึ้นร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นอาการคันแสบ เป็นผื่น ระคายเคือง ปัสสาวะติดขัดแสบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้กำลังบ่งบอกว่าร่างกายของคุณไม่ปกติแล้ว ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาโดยเร็วที่สุด

        สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับตกขาว

        การสังเกตสีและกลิ่นของตกขาวเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับผู้หญิงทุกคน ยิ่งหากมีความผิดปกติเกิดขึ้นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งควรไปพบแพทย์เร็วขึ้นเท่านั้น หลายๆคนอาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าอายจึงไม่กล้าเล่าความจริง หรือไปพบแพทย์แต่มันจะดีกว่าไหม? ถ้าหากว่าให้แพทย์ทำการวินิจฉัยอาการได้อย่างละเอียดและวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม นอกจากจะเป็นการบรรเทาความผิดปกติที่เกิดขึ้นแล้ว ยังช่วยดึงความมั่นใจกลับคืนมาให้คุณผู้หญิงได้อีกด้วย

        หากสาวๆอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว มีข้อสงสัยหรือต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับปัญหาเกี่ยวกับตกขาวหรือปัญหาอื่นๆของน้องสาว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้องสาวแห้ง ไม่มีน้ำหล่อลื่น หรือจะเป็นการทำรีแพร์น้องสาว สามารถติดต่อเพื่อรับคำแนะนำและปรึกษาได้ที่ Rejuvet Clinic เบอร์โทร 02-044-2788, 063-552-2244 หรือแอดไลน์ที่ ID: @rejuvetclinic ได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆก่อนเข้ารับบริการจริงค่ะ ทางทีมงานยินดีตอบทุกคำถามของสาวๆค่ะ

        มีปัญหาตกขาวเป็นก้อน ตกขาวสีไม่ปกติ ลงทะเบียนปรึกษาฟรี

        ฮอร์โมน เอสโตรเจน คือ อะไร มีหน้าที่อะไร ทำไมถึงสำคัญสำหรับผู้หญิง

        ฮอร์โมน เอสโตรเจน คือ อะไร มีหน้าที่อะไร สร้างจากอะไร ทำไมถึงสำคัญสำหรับผู้หญิง

        เชื่อว่าหลายๆคนคงเคยได้ยินชื่อของฮอร์โมนที่ชื่อว่า “เอสโตรเจน” กันมาบ้างแล้ว บางคนก็รู้จักแค่เผินๆว่าเป็นฮอร์โมนของผู้หญิง บางคนก็ไม่รู้จักเลย แต่อย่างที่เคยได้กล่าวไปในบทความก่อนหน้านี้ว่า ฮอร์โมนทุกๆฮอร์โมน มีบทบาทและความสำคัญในกระบวนการทำงานต่างๆของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง หรือผู้ชาย ต่างก็มีฮอร์โมนกันทั้งสิ้น ซึ่งระดับของฮอร์โมนในร่างกายก็จะมีเพิ่มและมีลดตามช่วงอายุ แตกต่างกันไป บทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับฮอร์โมนเพศหญิงที่ชื่อว่า ฮอร์โมน เอสโตรเจน คืออะไร? สร้างจากอะไร หน้าที่ของเอสโตรเจน ผลกระทบเมื่อขาดเอสโตรเจนโดยเฉพาะในเพศหญิงและวิธีเพิ่มเอสโตรเจนเข้าสู่ร่างกาย ศึกษาเพิ่มเติมได้ในบทความนี้เลย!
        เลือกอ่านหัวข้อที่ชอบ
          Add a header to begin generating the table of contents

          ตรวจวัดฮอร์โมนเพศหญิง รับฟรี! โปรแกรมตรวจ มะเร็ง 6 รายการ

          ลงทะเบียนเพื่อรับฟรี! โปรแกรมตรวจ Biomarker มะเร็ง 6 รายการเมื่อตรวจฮอร์โมนกับ Rejuvet

          *รับโปรแกรมตรวจ Biomarker มะเร็ง 5 รายการเมื่อตรวจฮอร์โมนกับ Rejuvet

          female homone

          ฮอร์โมน เอสโตรเจน คืออะไร?

          ฮอร์โมน เอสโตรเจน คือ ฮอร์โมนเพศหญิงที่ผลิตขึ้นโดยเซลล์รังไข่ตามกระบวนการทางธรรมชาติ มีหน้าที่ในการควบคุมระบบสืบพันธุ์และช่วยให้ระบบในร่างกายทำงานได้อย่างเป็นระบบ เช่น ทำให้ผู้หญิงมีความอ่อนหวาน ทำให้รูปร่างมีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน การมีหน้าอก การมีประจำเดือน การมีสะโพกเพื่อเตรียมตัวเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ การมีผิวที่นุ่มนวลเปล่งปลั่งสดใส การที่เต้านมสามารถสร้างน้ำนมเพื่อให้นมลูกได้ เป็นต้น นอกจากนี้ยังส่งผลโดยตรงต่อสภาพอารมณ์และจิตใจด้วย ดังนั้นได้ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจึงส่งผลต่อทั้งสภาพร่างกาย อารมณ์และจิตใจอย่างสอดคล้องกัน

          เอสโตรเจน สร้างจาก อะไร?

          ฮอร์โมน เอสโตรเจน สร้างจากเซลล์รังไข่ในเพศหญิงในช่วงระหว่างครึ่งแรกของรอบเดือน ส่วนช่วงระหว่างหลังการตกไข่ ระหว่างมีประจำเดือนและระหว่างการตั้งครรภ์จะถูกสร้างโดยถุงฟักไข่ (Corpus Luteum) ซึ่งทำให้การหลั่งของฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงในช่วงนี้ (ส่วนในเพศชายผลิตจากลูกอัณฑะและต่อมหมวกไต แต่ก็มีปริมาณน้อยกว่าเพศหญิงมาก) ฮอร์โมน เอสโตรเจนของผู้หญิงจะแบ่งเป็น 3 ชนิด ได้แก่ เอสตราดิออล (Estradiol) เอสโตรน (Estrone) และเอสตริออล (Estriol) ซึ่งทำหน้าที่แตกต่างกันไปแต่โดยรวมแล้วก็จะทำหน้าที่เกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ของเพศหญิงนั่นเอง

          เอสโตรเจน มีหน้าที่อะไร?

          ฮอร์โมนเอสโตรเจน หน้าที่ของฮอร์โมนชนิดนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับระบบการสืบพันธุ์ภายในของเพศหญิง การแสดงออกของพัฒนาการทางด้านร่างกายและการควบคุมลักษณะทางเพศภายนอก นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ในระบบการทำงานของร่างกายแทบทุกระบบ

          • ระบบประสาทและสมอง ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับอารมณ์ จิตใจและความทรงจำ หากมีระดับเอสโตรเจนที่ต่ำลง หรือไม่สมดุล ก็จะทำให้อารมณ์แปรปรวนแบบฉับพลัน หงุดหงิดง่าย ขี้หลงขี้ลืม นอนไม่หลับ ผมร่วง น้ำหนักขึ้น ประจำเดือนมาไม่ปกติ
          • ระบบหัวใจและหลอดเลือด เอสโตรเจนมีส่วนช่วยในการควบคุมการผลิตคอเลสเตอรอลชนิดดี หรือ HDL และลดปริมาณคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี หรือ LDL ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคหัวใจและโรคหลอดเลือด
          • ระบบกล้ามเนื้อ กระดูกและข้อต่อ เอสโตรเจนมีหน้าที่ควบคุมความสมดุลของแคลเซียม โดยเฉพาะหน้าที่ในการดูดซึมและลดการสลายตัวแคลเซียม เพื่อให้กระดูกแข็งแรงและลดโอกาสของการเกิดภาวะโรคกระดูกพรุน
          homone checkup woman

          ผลกระทบเมื่อขาดเอสโตรเจน

          อย่างที่ได้กล่าวไปว่าเอสโตรเจน หน้าที่สัมพันธ์เกี่ยวข้องโดยตรงกับความเป็นผู้หญิง ดังนั้นบทบาทและหน้าที่ของเอสโตรเจน จึงช่วยคงความสาวความสวยเอาไว้ให้กับคุณ นอกจากภายนอกแล้วภายในก็ยังมีความเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน เมื่อผู้หญิงเรามีฮอร์โมนเอสโตรเจนในระดับปกติ เช่น อารมณ์ดี มองโลกในแง่บวก ความจำดี น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติ ผมสลวยสวยงาม ผิวพรรณเต่งตึงดูสุขภาพดี ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ ไม่รู้สึกเจ็บ หรือช่องคลอดแห้งเวลามีเพศสัมพันธ์ นอนหลับง่าย เป็นต้น ส่วนบางคนก็ประสบพบเจอกับภาวะขาดเอสโตรเจน หรือเอสโตรเจนสูงมากจนเกินไปก็จะทำให้ร่างกายแสดงอาการตรงกันข้าม เช่น มีอารมณ์แปรปรวน ฉุนเฉียว โมโหง่าย เป็นโรคซึมเศร้า หลงๆลืมๆ ภาวะน้ำหนักตัวเกิน หรือโรคอ้วน ผมร่วงหล่น ผิวพรรณแห้ง หยาบกระด้างและมีริ้วรอยเหี่ยวย่น ประจำเดือนมาไม่ปกติ รู้สึกเจ็บ หรือช่องคลอดแห้งเวลามีเพศสัมพันธ์ นอนหลับยาก เป็นต้น

          อย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดในชีวิตของผู้หญิงก็คือ ปัญหาวัยทองที่แสดงให้เห็นถึงการขาดเอสโตรเจนอย่างชัดเจน หลังจากที่ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ เมื่อประจำเดือนขาดครบ 1 ปี ก็จะถือว่าเป็นวัยทองโดยสมบูรณ์แบบทันที ดังนั้น สาวๆวัยทองจึงมักจะมีภาวะทางอารมณ์ ภาวะร่างกายที่ส่อถึงความแก่ชรา รวมไปจนถึงโรคกระดูกพรุน ซึ่งมีผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน อันเป็นผลกระทบเมื่อขาดเอสโตรเจนนั่นเอง

          วิธีเพิ่มเอสโตรเจนให้ร่างกาย

          จริงๆแล้ววิธีการเพิ่มเอสโตรเจนให้กับร่างกายสามารถทำได้หลายวิธี เริ่มต้นจากการรับประทานอาหารที่เสริมสร้างการหลั่งฮอร์โมนเอสโตรเจน ไม่ว่าจะเป็นอาหารจากธรรมชาติพวกผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง น้ำมะพร้าวและผักใบเขียว ร่วมกับการรับประทานฮอร์โมนเสริมทดแทน นอกจากนี้คุณอาจจะต้องดูแลตัวเองเพิ่มเติม เช่น ลดละเลิกการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอและดื่มน้ำเป็นประจำ เป็นต้น

          สรุปฮออร์โมนเอสโตรเจนกับเพศหญิง

          หลังจากรู้จักฮอร์โมนเอสโตรเจนกันไปแล้ว คำถามคือ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าร่างกายของเรามีระดับเอสโตรเจนที่สมดุลหรือไม่ การตรวจระดับฮอร์โมนเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้คุณทราบว่าฮอร์โมนของคุณอยู่ในระดับใดและจะมีวิธีไหนที่สามารถเพิ่มเอสโตรเจนให้ร่างกายอย่างเหมาะสม โดยผ่านการประเมินการรักษาจากคุณหมอ ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้หญิงที่อยู่ในวัยไหนใส่ใจในเรื่องสุขภาพและไม่อยากให้ระดับของฮอร์โมนขาดความสมดุลและส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะผู้หญิงในวัยทอง อย่าอายและอย่าปล่อยปละละเลย ลองปรึกษาคุณหมอเพื่อขอรับคำแนะนำในการรับฮอร์โมนเสริม หรือฮอร์โมนทดแทน ให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขอีกครั้ง

          ตรวจวัดฮอร์โมนเพศหญิง รับฟรี! โปรแกรมตรวจ มะเร็ง 6 รายการ

          ลงทะเบียนเพื่อรับฟรี! โปรแกรมตรวจ Biomarker มะเร็ง 6 รายการเมื่อตรวจฮอร์โมนกับ Rejuvet

          *รับโปรแกรมตรวจ Biomarker มะเร็ง 5 รายการเมื่อตรวจฮอร์โมนกับ Rejuvet

          ฮอร์โมนเพศหญิง คืออะไร ได้แก่อะไรบ้าง ปัญหาวัยทองเมื่อฮอร์โมนเพศหญิงน้อยเกินไปหรือฮอร์โมนดรอป

          ฮอร์โมนเพศหญิง คืออะไร ได้แก่อะไรบ้าง ปัญหาวัยทองเมื่อฮอร์โมนเพศหญิงน้อยเกินไปหรือฮอร์โมนดรอป

          เชื่อว่าคุณผู้หญิงหลายๆคนคงจะเคยเป็นกังวลเกี่ยวกับอายุที่เพิ่มมากขึ้น ไม่ใช่กังวลเพียงแค่เรื่องของใบหน้า หรือผิวพรรณเท่านั้น แต่สาวๆที่มีอายุเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะวัยอายุประมาณ 45-55 ปี สามารถบ่งบอกได้ถึงสภาพร่างกายและสภาพจิตใจที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย ซึ่งเราเรียกกันว่า “วัยทอง” หรือ “วัยหมดประจำเดือน” นั่นเอง ในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับฮอร์โมนเพศหญิง คืออะไร? ฮอร์โมนเพศหญิง ได้แก่อะไรบ้าง? ช่วยเรื่องอะไร? ฮอร์โมนเพศหญิงน้อยและปัญหาที่ตามมา พร้อมทั้งวิธีการปรับฮอร์โมนเพศ ศึกษาเพิ่มเติมได้เลยในบทความนี้
          เลือกอ่านหัวข้อที่ชอบ
            Add a header to begin generating the table of contents

            ตรวจวัดฮอร์โมนเพศหญิง รับฟรี! โปรแกรมตรวจ มะเร็ง 6 รายการ

            ลงทะเบียนเพื่อรับฟรี! โปรแกรมตรวจ Biomarker มะเร็ง 6 รายการเมื่อตรวจฮอร์โมนกับ Rejuvet

            *รับโปรแกรมตรวจ Biomarker มะเร็ง 5 รายการเมื่อตรวจฮอร์โมนกับ Rejuvet

            homone checkup woman

            ฮอร์โมนเพศหญิง คืออะไร

            ฮอร์โมนเพศหญิง คือ สารชีวเคมีที่ร่างกายสร้างขึ้นตามธรรมชาติของมนุษย์ โดยฮอร์โมนแต่ละตัวถูกผลิตมาจากอวัยวะที่แตกต่างและก็จะทำหน้าที่แตกต่างกันไป ฮอร์โมนเหล่านี้มีผลโดยตรงต่อระบบการทำงานต่างๆทั้งทางร่างกายและจิตใจ เมื่อคนเราอายุมากยิ่งขึ้น ฮอร์โมนในร่างกายก็จะเริ่มเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ จะเห็นได้ชัดเจนโดยเฉพาะในเพศหญิง พูดให้เห็นภาพง่ายๆก็คือ ในช่วงวัยรุ่น ร่างกายเราก็จะมีการเปลี่ยนแปลง เริ่มมีหน้าอก มีสะโพก ในส่วนของจิตใจก็จะมีการเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน เช่น มีความคึกคะนอง การสร้างภาพลักษณ์เพื่อให้เป็นที่ยอมรับในสังคม เป็นต้น ส่วนในช่วงวัยทอง หรือในวัยที่หมดประจำเดือนแล้ว ฮอร์โมนเพศหญิงจะน้อยลงก็จะมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย เช่น เส้นผมหลุดร่วง ผิวแห้ง หยาบกระด้าง ไม่สดใส หรือผิวหนังหย่อนยาน ส่วนสภาพจิตใจ ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงอารมณ์ที่รวดเร็ว หงุดหงิด โกรธง่าย ซึมเศร้า นอนไม่หลับ ขี้น้อยใจ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีความเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนของร่างกายทั้งสิ้น

            ฮอร์โมนเพศหญิง ได้แก่อะไรบ้าง

            1. ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) เป็นฮอร์โมนที่ผลิตมาจากรังไข่ เริ่มผลิตตั้งแต่วัยสาวและจะมีน้อยลงในช่วงอายุ 40 ปีขึ้นไป โดยมีความเกี่ยวข้องกับระบบเจริญพันธุ์ รวมทั้งหัวใจ สมองและกระดูก

            2. ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) เป็นฮอร์โมนที่ผลิตมาจากรังไข่จากการควบคุมของต่อมใต้สมองและสมองส่วนไฮโพทาลามัส โดยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการมีประจําเดือน นอกจากนี้ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบอารมณ์และจิตใจอีกด้วย

            ดังนั้น ฮอร์โมนเพศหญิงหลักๆทั้ง 2 ตัว คือ ฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายและจิตใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ผู้หญิงมีอายุเพิ่มมากขึ้น ระดับการผลิตฮอร์โมนก็จะลดน้อยลงเรื่อยๆ เมื่อฮอร์โมนเพศหญิงน้อยลงจึงทำให้ผู้หญิงในวัยนี้หมดประจำเดือน ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายและอารมณ์แบบเฉียบพลัน หลายๆคนจึงใช้คำว่า “วัยทอง” แทนผู้หญิงที่มีอารมณ์แปรปรวนนั่นเอง

            ฮอร์โมนเพศหญิง ช่วยเรื่องอะไร

            อย่างที่ได้บอกไปในข้างต้นว่า ฮอร์โมนเพศหญิงมีความสำคัญต่อกระบวนการต่างๆในร่างกายโดยเฉพาะระบบสืบพันธุ์และการมีประจำเดือน ดังนั้นในช่วงเวลาวัยรุ่น การผลิตฮอร์โมนเพศหญิงเป็นไปอย่างเต็มที่ที่สุด จึงทำให้สภาพร่างกายและสภาพจิตใจของคุณผู้หญิงเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ความสวยงามและความสมบูรณ์แบบ อยากมีบุตรก็สามารถมีได้ง่าย แต่เมื่อเริ่มมีอายุเพิ่มมากขึ้นและฮอร์โมนเพศหญิงน้อยลง ร่างกายก็เริ่มมีความเสื่อมโทรม ประจำเดือนที่เคยมีก็หมดลง รวมทั้งผิวพรรณก็เริ่มเหี่ยวเฉา ไม่สวยงามเหมือนแต่ก่อน และที่สำคัญที่สุดก็ส่งผลให้อารมณ์หงุดหงิด แปรปรวนง่ายและมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก

            ปัญหาวัยทองที่เกิดจากฮอร์โมนเพศหญิงน้อย หรือดรอปลง ขาดความสมดุล

            เมื่อคุณก้าวเข้าสู่วัยทอง คุณก็จะมีประจำเดือนไม่สม่ำเสมอ หากประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอติดต่อกันครบ 1 ปี ก็จะถือว่าเป็นวัยทองโดยสมบูรณ์แบบ มักจะมีอาการร้อนวูบวาบตามร่างกาย เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว อารมณ์เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ฉับพลัน ขี้หงุดหงิด ขี้โกรธ ขี้ใจน้อย เป็นโรคซึมเศร้า หรือนอนไม่หลับ โดยเฉพาะกลางคืนจะมีเหงื่อออกมาก มีอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย กระดูกเปราะบาง กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ รวมทั้งช่องคลอดแห้ง รู้สึกเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์อีกด้วย

            ปัญหาอื่นๆที่อาจเกิดขึ้นเมื่อฮอร์โมนเพศดรอปหรือขาดสมดุล

            เมื่อฮอร์โมนเพศหญิงน้อยลง นอกจากวัยทอง หรือวัยหมดประจำเดือนที่เกิดขึ้นแล้ว ยังมีปัญหาอื่นๆตามมาอีกมากมาย เช่น ระบบเผาผลาญในร่างกายที่น้อยลง กินน้อยกลับอ้วนง่ายๆ เหนื่อยๆเพลียๆ ไม่กระฉับกระเฉง ขี้หนาว ซึ่งเป็นผลมาจากฮอร์โมนไทรอยด์ที่ดรอปลง อาการอ่อนเพลียแบบเรื้อรังที่มาจากฮอร์โมนที่ผลิตจากต่อมหมวกไต จึงทำให้เป็นภูมิแพ้ง่าย หรือเจ็บป่วยบ่อยๆ เป็นต้น

            ปรับฮอร์โมนเพศหญิง สร้างสมดุลฮอร์โมน ทางแก้ปัญหาวัยทอง

            การปรับฮอร์โมนเพศหญิงในกรณีที่ฮอร์โมนเพศหญิงน้อยลงทำได้ไม่ยากนัก เพียงแค่รีบไปปรึกษาแพทย์เพื่อทำการตรวจเช็คระดับฮอร์โมน หากพบว่าระดับฮอร์โมนไม่สมดุล แพทย์ก็สามารถให้คำปรึกษาร่วมกับการวางแผนการรักษาและเตรียมความพร้อมกับระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไปได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าคุณจะเป็นวัยไหน หรือวัยทอง ก็สามารถข้ามผ่านช่วงสภาวะที่ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงได้อย่างราบรื่น โดยที่การเปลี่ยนแปลงของร่างกายและจิตใจจะไม่ใช่อุปสรรคใดๆในการดำรงชีวิตเลย

            ข้อสรุปปัยหาฮอร์โมนดรอป ฮอร์โมนเพศน้อย

            ร่างกายของคนเรามีความสัมพันธ์กับฮอร์โมนเพศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่เสริมสร้างการทำงานในร่างกายให้สมบูรณ์ เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นฮอร์โมนก็มีการผลิตน้อยลงจึงเป็นสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายและจิตใจ ดังนั้นปัญหาวัยทองจึงไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้าม ถ้าไม่อยากมีปัญหาวัยทองส่งผลกระทบต่อตัวเองและคนรอบๆตัว เพียงแค่รีบไปพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษาในการเตรียมพร้อมรับมือกับวัยทองเพื่อสร้างความสมดุลให้กับฮอร์โมนเพศหญิง วางแผนการรักษาเพื่อปรับฮอร์โมนเพศ รวมทั้งการปฏิบัติตามข้อแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เริ่มต้นวันนี้ดีกว่าปล่อยให้ปัญหาวัยทองรบกวนชีวิตประจำวันของคุณ!
            หากผู้อ่านกำลังประสบปัญหาฮอร์โมนเพศไม่สมดุล ฮอร์โมนดรอป จนรู้สึกว่ากระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน สามารถขอคำแนะนำหรือคำปรึกษาได้ที่ Rejuvet Clinic คลินิกที่เข้าใจผู้หญิง โดยติดต่อได้ที่เบอร์ 063-552-2244 และ 02-044-2788 หรือสามารถแอดไลน์ Line: @rejuvetbangkok ทางทีมงาน Rejuvet ยินดีให้คำปรึกษาสาวๆทุกท่านโดยไม่มีค่าใช้จ่ายก่อนเข้ารับบริการจริงใดๆค่ะ

            ตรวจวัดฮอร์โมนเพศหญิง รับฟรี! โปรแกรมตรวจ มะเร็ง 6 รายการ

            ลงทะเบียนเพื่อรับฟรี! โปรแกรมตรวจ Biomarker มะเร็ง 6 รายการเมื่อตรวจฮอร์โมนกับ Rejuvet

            *รับโปรแกรมตรวจ Biomarker มะเร็ง 5 รายการเมื่อตรวจฮอร์โมนกับ Rejuvet

            รู้จักกับ Diode laser คือ อะไร ดีไหม ต้องทำกี่ครั้ง เปรียบเทียบ diode laser กับ Yag ต่างกันอย่างไร?

            รู้จักกับ Diode laser คือ อะไร ดีไหม ต้องทำกี่ครั้ง เปรียบเทียบ diode laser กับ Yag ต่างกันอย่างไร

            ในบทความนี้เราจะมาพูดคุยถึงเรื่องเลเซอร์กำจัดขน ซึ่งก็มีหลายประเภท ที่เรารู้จักกันดีและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายก็คือ เลเซอร์ IPL, YAG และ Diode โดยมีหัวใจหลักของการทำงานนั่นก็คือ การยิงเลเซอร์ที่มีพลังงานความร้อนและคลื่นความถี่สูงเข้าไปในผิวหนังบริเวณที่ต้องการกำจัดขน เลเซอร์ก็จะไปจับกับเม็ดสีเมลานินระดับเซลล์รากขน แล้วค่อยๆทำลายเซลล์รากขนนั้นให้อ่อนแอลงและไม่สามารถขึ้นได้อีก ซึ่งเป็นการกำจัดขนแบบถาวรและไม่ทิ้งร่องรอยเหมือนกับการกำจัดขนวิธีอื่นๆ ในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ diode laser คืออะไร? เจาะลึกข้อมูลของ diode laser และ diode laser กับ Yag ต่างกันอย่างไร? ศึกษาได้ในบทความนี้เลยค่ะ
            เลือกอ่านหัวข้อที่ชอบ
              Add a header to begin generating the table of contents
              diodee laer

              Diode laser คืออะไร

              ไดโอด เลเซอร์ หรือ Diode Laser คือ เทคโนโลยีเลเซอร์กำจัดขนที่ทันสมัยจากประเทศเยอรมัน เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ใช้เลเซอร์ยิงกำจัดขนแบบถอนรากถอนโคน โดยไม่ทิ้งร่องรอยของการกำจัดขนและไม่ทำให้รู้สึกเจ็บปวด นอกจากจะช่วยกำจัดขนแบบถาวรแล้ว ยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวหนังให้ผิวหนังบริเวณที่ถูกกำจัดขนเรียบเนียนและดูกระจ่างใสขึ้น ซึ่งเลเซอร์กำจัดขนส่วนใหญ่จะให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่าและมีประสิทธิภาพดีกว่าวิธีกำจัดขนอื่นๆ ทำให้เป็นที่นิยมมากในกลุ่มผู้ที่รักสวยรักงามในยุคปัจจุบัน

              Diode Laser เป็นเลเซอร์ที่มีช่วงความยาวคลื่นที่หลากหลาย สามารถลงได้ลึกถึงระดับผิวหนังชั้นในส่วนลึก โดยจะเข้าไปจับกับเม็ดสีที่รากขน ในขณะเดียวกันก็ระงับการทำงานของเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงรูขุมขนนั้น พร้อมๆกับปล่อยคลื่นความร้อนเพื่อทำลายรากเส้นขน เส้นขนที่ถูกทำลายไปจึงหลุดร่วงออกมานั่นเอง

              Diode laser สามารถใช้กำจัดขนบริเวณไหนได้บ้าง

              Diode laser เป็นเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่นในช่วง 800-810, 940, 1,064-1,350 nm จะเห็นได้ว่ามีช่วงความยาวคลื่นที่หลากหลาย จึงนิยมใช้บริเวณแขน ขา หรือบริเวณกว้างๆมากกว่าบริเวณใบหน้า หรือบริเวณที่ต้องการความละเอียด นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับคนที่มีผิวขาว-ผิวสองสีมากกว่าคนที่มีผิวสีแทน-ผิวสีเข้ม

              ต้องทำ Diode laser กี่ครั้งถึงจะเห็นผล

              ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าเส้นขนของมนุษย์มีอายุไม่เท่ากัน หากทำเลเซอร์ตอนที่เส้นขนยังอ่อนอยู่จะได้ผลดีมากๆ แต่ถ้าเส้นขนเหล่านั้นไม่เคยทำการเลเซอร์มาก่อนก็อาจจะใช้จำนวนครั้งที่มากกว่าเส้นขนอ่อนๆ โดยจำนวนครั้งจะขึ้นอยู่กับปริมาณเส้นขน ลักษณะเส้นขนและสีผิวของผู้ทำเลเซอร์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ทำเลเซอร์อย่างน้อย 5-8 ครั้งและเว้นระยะห่างทุกๆ 4-6 สัปดาห์เพื่อให้เห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน

              Diode laser เจ็บไหม อยู่ได้นานแค่ไหน

              การยิง Diode Laser ไม่เจ็บ ไม่เบิร์นแต่อาจมีอาการเจ็บปวดเล็กน้อย (ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำ) หลังจากทำแล้วอาจจะมีอาการระคายเคือง บวม หรือแดงแล้วจะค่อยๆหายไปเอง ส่วนการทำ Diode laser จะอยู่ได้นานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับลักษณะเส้นขน ปริมาณเส้นขน สีผิว บริเวณที่กำจัดขนและจำนวนครั้งที่ทำมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่โดยรวมจะอยู่ได้นานกว่าการกำจัดขนประเภทอื่นๆอย่างแน่นอนค่ะ
              diode laser

              ทำ Diode laser แต่ละครั้งควรเว้นระยะห่างนานแค่ไหน?

              การทำ Diode laser ควรเว้นระยะห่างทุกๆ 4-6 สัปดาห์ โดยขนจะหลุดทั้งหมดภายใน 1 สัปดาห์และใน 2-4 สัปดาห์แรกจะมีขนอ่อนเกิดขึ้นใหม่แต่จะมีปริมาณน้อยลงและเส้นขนอ่อนลง

              Diode laser กับ Yag ต่างกันอย่างไร

              Diode laser กับ Yag ถึงแม้ว่าจะเป็นเลเซอร์กำจัดขนเหมือนกันแต่มีความแตกต่างกันตรงที่ความยาวของลำแสง Yag Laser จะมีความยาวลำแสงในช่วง 1,064 nm เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกำจัดขนที่มีผิวสีแทน หรือผิวสีเข้ม รวมทั้งเหมาะสำหรับบริเวณที่ต้องการความละเอียด หรือบริเวณที่มีขนาดเล็ก เช่น ใบหน้า หนวด เครา จุดซ่อนเร้น เป็นต้น ส่วน Diode laser มีความยาวของลำแสงที่หลากหลายในช่วง 800-1,350 nm แต่ละความยาวแสงก็จะมีหน้าที่แตกต่างกัน ซึ่งไดโอดเลเซอร์นี้ ทั้งมีความอ่อนโยนและเหมาะกับทุกสภาพผิว แถมยังทำงานด้วยระบบความเย็น ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บ หรือเบิร์นเลย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกำจัดขนที่มีผิวขาว หรือผิวสองสี ซึ่งไทยส่วนมากจะมีผิวโทนนี้ รวมทั้งนิยมใช้บริเวณแขน ขาและบริเวณกว้างๆที่ไม่ต้องการความละเอียดเป็นพิเศษนั่นเองค่ะ

              Diode laser กับ Yag เลเซอร์แบบไหนดีกว่า?

              การเลือกใช้เลเซอร์กำจัดขนไม่ว่าจะเป็น Diode laser หรือ Yag Laser ขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการกำจัดขนบริเวณไหนและโทนสีผิวของคุณที่จะช่วยให้เลเซอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ขอแนะนำให้คุณทำการปรึกษาสถาบันเสริมความงามที่อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับตัวคุณ

              ข้อควรปฏิบัติก่อนการทำ Diode laser

              • ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หรือการอาบแดดเป็นเวลานานๆ เพื่อหลีกเลี่ยงอาการผิวแห้งและอาการผิวไหม้ก่อนทำเลเซอร์ประมาณ 1 สัปดาห์
              • ควรหลีกเลี่ยงการทำทรีทเม้นต์ขัดผิว หรือลอกผิว รวมทั้งสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของกรด AHA เพื่อหลีกเลี่ยงอาการผิวบางก่อนทำเลเซอร์ประมาณ 1 สัปดาห์
              • ไม่ควรกำจัดขนด้วยวิธีการถอน หรือแวกซ์ หากต้องการกำจัดขนให้ทำการโกน เพื่อรักษารากขนเอาไว้สำหรับการยิงเลเซอร์และหลีกเลี่ยงอาการรูขุมขนอักเสบ

              วิธีดูแลตัวเองหลังการทำ Diode laser

              • หลังทำเลเซอร์ประมาณ 1 สัปดาห์ ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งและกิจกรรมที่มีความร้อนสูงทุกประเภท เช่น การอาบแดด การอบซาวน่า การอบไอน้ำ เป็นต้น
              • ในช่วง 2-3 วันแรกหากมีอาการระคายเคือง บวม แดง หรือแสบร้อน สามารถประคบเย็นเพื่อบรรเทาอาการอักเสบได้
              • หลังทำเลเซอร์ประมาณ 2-3 วัน ห้ามทาครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของกรด AHA หรือการขัดผิวและหากกำจัดขนรักแร้ให้งดการทาสารระงับกลิ่นไปก่อน
              • ไม่ควรกำจัดขนที่ขึ้นใหม่ด้วยวิธีการถอน หรือแวกซ์ หากต้องการกำจัดขนให้ทำการโกนเท่านั้น
              • เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพในระยะยาวให้ทำการรักษาอย่างต่อเนื่องตามที่แพทย์แนะนำ

              สรุป Diode laser กับ Rejuvet Clinic

              Diode Laser เป็นอีกหนึ่งวิธีการกำจัดขนด้วยการเลเซอร์ที่มีความโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นความยาวคลื่นที่หลากหลาย คุณสมบัติที่เหมาะสมกับโทนสีผิวของคนไทย รวมทั้งไม่เจ็บและไม่เบิร์นหลังจากการทำ แถมยังช่วยให้ผิวบริเวณนั้นมีความเรียบเนียน กระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเลเซอร์การกำจัดขนที่มีประสิทธิภาพสูงและเห็นผลได้ในระยะยาว จากครั้งแรกที่ทำก็สามารถเห็นผล 30% เลยทีเดียว หากคุณสนใจที่จะทำ Diode Laser ขอแนะนำให้ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอรับคำแนะนำจากสถาบันเสริมความงามที่เชื่อถือได้

              หากสาวๆอ่านมาถึงตรงนี้แล้วมีความสนใจในการทำ diode laser แต่ยังไม่แน่ใจ อยากสอบถามเพิ่ม หรือขอคำแนะนำในการทำเลเซอร์ สามารถติดต่อ Rejuvet Clinic ได้ที่เบอร์ 063-552-2244 และ 02-044-2788 หรือสามารถแอดไลน์ Line: @rejuvetbangkok ทางทีมงาน Rejuvet ยินดีให้คำปรึกษาสาวๆทุกท่านโดยไม่มีค่าใช้จ่ายก่อนเข้ารับบริการจริงใดๆค่ะ

              สีน้องสาว จิมิดำ เกิดจากอะไร เลเซอร์ จิมิขาวช่วยได้จริงหรือไม่ วิธีดูแลน้องสาวไม่ให้หมองคล้ำ

              สีน้องสาว จิมิดำ เกิดจากอะไร เลเซอร์ จิมิขาวช่วยได้จริงหรือไม่ วิธีดูแลน้องสาวไม่ให้หมองคล้ำ

              ผู้หญิงอย่างเราๆมักกังวลไปเสียทุกอย่าง ลำพังแค่การดูแลผิวพรรณ รูปร่างและหน้าตาของผู้หญิงนั้นยังไม่เพียงพอ ยังมีอีกหนึ่งจุดในร่างกายที่ผู้หญิงรู้สึกว่าควรให้ความสำคัญ นั่นก็คือ จุดซ่อนเร้นของเรานั่นเอง หลายๆคนเรียกว่า “น้องสาว” บางคนก็เรียก “จิมิ” ซึ่งในบทความนี้เราจะมาดูกันว่า สีน้องสาวหมองคล้ำ หรือจิมิดำเกิดจากอะไร? จริงหรือไม่ที่ว่า หากมีเซ็กบ่อย ทําให้จิมิหมองคล้ำ? อยากให้จิมิขาว ทำอย่างไร? พร้อมทำความรู้จักกับเลเซอร์ จิมิขาวช่วยได้จริงหรือไม่? และวิธีดูแลน้องสาวไม่ให้หมองคล้ำ ศึกษาได้ในบทความนี้เลย
              เลือกอ่านหัวข้อที่ชอบ
                Add a header to begin generating the table of contents

                เลเซอร์ จิมิขาว ไม่ต้องพักฟื้น ลงทะเบียนรับราคาพิเศษ เพียง 7,900

                ปรับสีน้องสาวให้สดใส ดูเด็กลง พร้อมรีแพร์ยกกระชับ เพิ่มความชุ่มชื่นให้น้องสาว

                สีน้องสาวคล้ำ จิ๋มดำ จิมิดำ เกิดจากอะไร?

                สาวๆหลายๆคนคงจะเป็นกังวลกันอยู่ไม่น้อยใช่ไหมคะ? จริงๆแล้วผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ มักจะมีสีที่คล้ำกว่าผิวปกติเพราะว่ามีปริมาณเม็ดสีเมลานินมากกว่าบริเวณอื่น ซึ่งสีของน้องสาวเป็นไปตามพันธุกรรมที่ถ่ายทอดกันรุ่นต่อรุ่นและมักจะเป็นสีตามธรรมชาติ สามารถสังเกตได้ง่ายๆจากผิวหนัง สีของหัวนม สีของริมฝีปาก เป็นต้น หากคุณเป็นคนผิวขาวก็เป็นไปได้ที่สีน้องสาวจะเป็นสีออกชมพูๆ ส่วนคนที่มีผิวสองสีก็เป็นไปได้ว่าจะมีสีน้องสาวที่คล้ำกว่า แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นอย่างนั้นเสมอไปเพราะมันขึ้นอยู่กับพันธุกรรมนั่นเอง

                หากสงสัยว่าตัวเองจิมิดำกว่าคนอื่น ก็อาจจะมาจากปัจจัยหลายๆอย่างที่เกี่ยวข้องกันด้วย เช่น การมีอายุที่มากขึ้น การมีน้ำหนักตัวมากเกินไป การคลอดบุตร รวมถึงการเสียดสีของผิวหนังบริเวณต้นขากับอวัยวะเพศ หรือการเสียดสีของกางเกงในและอวัยวะเพศ เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยตามธรรมชาติที่อาจทำให้จิมิดำได้แต่ไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างใด

                การมีเซกส์บ่อย ทำให้จิมิหมองคล้ำ จริงหรือไม่?

                การมีเพศสัมพันธ์บ่อยๆ ไม่ได้ทำให้จิมิหมองคล้ำแต่อย่างใด อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่าสีของจิมิขึ้นอยู่กับหลายๆปัจจัย ดังนั้นการมีเซ็กส์บ่อยๆ (แบบปกติทั่วไปและไม่มีอาการของโรคติดต่ออื่นๆ) ไม่ได้ทำให้จิมิหมองคล้ำ แถมยังช่วยให้เลือดไหลเวียนบริเวณน้องสาวได้ดีขึ้นด้วย แต่หากมีเซ็กส์บ่อยๆ ซึ่งรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันและมีอาการของโรคติดต่ออื่นๆร่วมด้วย แบบนี้อาจจะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการมีจิ๋มดำก็ว่าได้
                bikini laser hair removal

                จิมิดำ ผิดปกติหรือไม่?

                การมีจิมิดำ ถือว่าเป็นเรื่องปกติตามธรรมชาติ ไม่ถือว่าเป็นความผิดปกติ ซึ่งเม็ดสีเมลานินในผิวหนังจะถูกถ่ายทอดผ่านทางพันธุกรรมแบบรุ่นต่อรุ่น ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่เป็นตัวกำหนดสีน้องสาวและสามารถเทียบได้จากสีผิว สีของหัวนมและสีของริมฝีปาก ส่วนปัจจัยอื่นๆนั้นก็มีส่วนทำให้จิมิดำได้แต่ก็ไม่ได้ทำให้มีความผิดปกติ ดังนั้นสาวๆก็ไม่ต้องกังวลใจไปเลย การมีจิมิดำนั้นไม่ได้ส่งผลเสียแก่ร่างกายแต่อย่างใด

                อยากให้จิมิขาว ทำอย่างไร

                วิธีดูแลจิมิให้จิมิขาวสามารถทำได้หลายวิธี ซึ่งจิมิจะเป็นผิวหนังบริเวณที่บอบบางที่สุด ดังนั้นวิธีการใดก็ตามที่ทำให้จิมิขาวจะต้องมีความอ่อนโยนและสะอาด หลายๆคนเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะพร้าว ว่านหางจระเข้ หรือเจลว่านหางจระเข้ที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ โยเกิร์ตและน้ำผึ้ง เป็นต้น นำมาพอกบริเวณจิมิเป็นประจำประมาณ 15-30 นาทีแล้วล้างออกให้สะอาด นอกจากนี้อีกหนึ่งวิธีที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน คือ การเลเซอร์ จิมิขาว ซึ่งถือว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ช่วยปรับสีผิวให้ค่อยๆขาวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

                เลเซอร์ จิมิขาว คืออะไร ช่วยได้จริงหรือไม่

                เลเซอร์ จิมิขาว คือ เลเซอร์ที่มีค่าพลังงานและความถี่กลุ่มเดียวกับเลเซอร์ Q-Switch, ND หรือ Yag laser ที่ใช้ในการบำรุงรักษาผิวหน้าให้กระจ่างใส ลดเลือนจุดด่างดำ ฝ้า กระและรอยแผลเป็น ซึ่งใช้ในการปรับสีผิวบริเวณจุดซ่อนเร้นอย่างอ่อนโยน ไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย หรือผู้หญิง ด้วยการยิงคลื่นพลังงานและความถี่ในการลบจำนวนเม็ดสีเมลานิน ทำให้สีผิวบริเวณดังกล่าวสว่างมากขึ้นโดยไม่ก่อให้เกิดบาดแผล หรืออาการแทรกซ้อนที่ไม่พึงประสงค์

                เลเซอร์ จิมิขาว สามารถช่วยให้จิมิขาวขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติโดยที่ไม่ทิ้งร่องรอยบาดแผลเอาไว้ สามารถโดนน้ำได้ตามปกติเพียงแต่ควรเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังจากการทำเลเซอร์ โดยปกติแล้วจะเห็นผลชัดเจนขึ้นหลังจากทำไปแล้ว 2 ครั้งขึ้นไป สามารถทำซ้ำได้จนกว่าจะพึงพอใจแต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

                วิธีดูแลน้องสาวหลังทำเลเซอร์ จิมิขาว

                หลังจากการทำเลเซอร์ จิมิขาวแล้วอาจจะไม่รู้สึกเจ็บมาก บางรายอาจมีอาการแสบร้อนเล็กน้อยแต่ก็สามารถโดนน้ำและทำความสะอาดได้ตามปกติ ควรงดการมีเพศสัมพันธ์ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังจากการทำเลเซอร์ จิมิขาว นอกจากนี้ควรดูแลรักษาเรื่องความสะอาดอยู่สม่ำเสมอร่วมด้วย

                สำหรับผู้ที่สนใจเข้ารับบริการทำเลเซอร์ จิมิขาว โปรดทำการศึกษาข้อมูลการทำเลเซอร์ให้ละเอียดในด้านของข้อดีและข้อเสีย ซึ่งผลที่ได้รับจะแตกต่างขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ดังนั้นการศึกษาข้อมูลและการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการทำเลเซอร์จิมิขาวจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ แล้วอย่าลืมตรวจสอบสถานบริการที่เลือกใช้ด้วยว่า มีความน่าเชื่อถือ ปลอดภัยและมีบุคลากรที่มีประสบการณ์เพื่อให้การทำเลเซอร์จิมิขาวของคุณนั้นเป็นไปอย่างปลอดภัยและคุ้มค่ามากที่สุด

                Rejuvet Clinic ฟื้นฟูสีน้องสาวให้กลับมาสีสันสดสวย

                เปลี่ยนสีน้องสาวให้กลับมาสดใส อ่อนวัย ด้วยเทคโนโลยี New ThemiVa และ Heat Protector Gel ที่มีความบริสุทธ์ 100% เอกสิทธิ์เฉพาะที่ Rejuvet Clinic พร้อมส่งพลังงานลึกและแม่นยำกว่าถึง 3 เท่า ไม่ก่อให้เกิดการไหม้บริเวณน้องสาวแต่อย่างใด

                หากสาวๆต้องการคำปรึกษาหรือคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัญหาน้องสาวหมองคล้ำ จิมิดำ จิมิคล้ำ สามารถติดต่อได้ที่ Rejuvet Clinic เบอร์ 063-552-2244 และ 02-044-2788 หรือสามารถแอดไลน์ Line: @rejuvetbangkok ทางทีมงาน Rejuvet ยินดีให้คำปรึกษาสาวๆทุกท่านโดยไม่มีค่าใช้จ่ายก่อนเข้ารับบริการจริงใดๆค่ะ

                เลเซอร์ จิมิขาว เพียง 20 นาที ลงทะเบียนรับราคาพิเศษ เพียง 7,900

                ปรับสีน้องสาวให้สดใส ดูเด็กลง พร้อมรีแพร์ยกกระชับ เพิ่มความชุ่มชื่นให้น้องสาว

                Biotherapy

                เพศหญิง เป็นเพศที่มีการตอบสนองไวต่อความเปลี่ยนแปลงของร่างกายเมื่อมีอายุมากขึ้น มีพฤติกรรมสุขภาพที่เพิ่มความเสี่ยง ความเครียดต่างๆ ตลอดจนสภาพแวดล้อมที่ไม่ส่งเสริมให้มีสุขภาพแข็งแรง ทำให้ร่างกายมีความเสื่อมลงได้อย่างรวดเร็วกว่าปกติ ไม่เพียงแต่ความเจ็บป่วยทางด้านร่างกาย ยังส่งผลต่อสภาพจิตใจ ซึ่งเกิดมาจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย การไหลเวียนโลหิต ความเสื่อมของเซลล์ต่างๆในร่างกาย ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพตามมามากมาย โดยเฉพาะปัญหาสุขภาพเพศหญิง เช่น อารมณ์เปลี่ยนแปลง หงุดหงิดง่าย ซึมเศร้า นอนไม่หลับ ร้อนวูบวาบ ผิวขาดความชุ่มชื้น ช่องคลอดแห้ง เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ ความต้องการทางเพศลดลง การไม่ถึงจุดสุดยอดขณะมีเพศสัมพันธ์ ปัสสาวะเล็ด และติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ เป็นต้น

                ปัญหาสุขภาพเพศหญิงเหล่านี้ พบได้ 30 ถึง 50% ในประชากรเพศหญิง ซึ่งในปัจจุบันมีการรักษาที่ หลากหลายตั้งแต่ การใช้ยา, การใช้สารหล่อลื่น, การใช้ฮอร์โมนทดแทน (Hormone Replacement Therapy), การผ่าตัด, การใช้เครื่องมือทางการแพทย์ รวมไปถึงการใช้สารสกัดจากเลือด (PRP), การใช้สารสกัดจากรก (Placenta) และการใช้สเต็มเซลล์

                        (Stem Cell Therapy) เพื่อมารักษาเฉพาะจุดหรือดูแลทั้งร่างกาย โดยแต่ละอย่างจะมีความเหมาะสมและผลข้างเคียงที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งการใช้ “Stem Cell Therapy” นั้นถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มีประสิทธิภาพสูง มีความปลอดภัย และมีการศึกษาวิจัยเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน “Stem Cell Therapy” ถูกนำมาใช้ในการส่งเสริม ดูแลรักษา ป้องกันสุขภาพเพศหญิง ปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องฮอร์โมน และการดูแลสุขภาพแบบชะลอวัย ได้แก่

                • ภาวะความต้องการทางเพศน้อยเกินไป (Hypoactive Sexual Desire Disorder)
                • ภาวะไม่ตื่นตัวทางเพศในเพศหญิง (Female Sexual Arousal Disorder)
                • ภาวะไม่มีความสุขสุดยอดในเพศหญิง (Female Orgasmic Disorder)
                • ภาวะเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ (Dyspareunia)
                • อาการวัยทองในเพศหญิง(Menopause Symptom)    

                หลักการทำงานของ สเต็มเซลล์ (Stem Cell)

                เซลล์ต้นกำเนิด คือ“การใช้เซลล์ซ่อมเซลล์ ” เพื่อซ่อมแซมความเสื่อมของร่างกาย โดยปกติมนุษย์เราจะมีเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cell) ที่ช่วยซ่อมแซมภายในร่างกายอยู่แล้ว แต่การซ่อมแซมนั้นอาจไม่สมบูรณ (เนื่องจากเซลล์ต้นกำเนิดนั้นจะมีจำนวนลดลงเมื่ออายุมากขึ้นหรือร่างกายไม่แข็งแรง จึงมีการใช้
                สเต็มเซลล์ ที่มีคุณภาพสูงและยังมีชีวิตอยู่ (Live Stem Cell) เพื่อเพิ่มปริมาณเซลล์ต้นกำเนิดใหม่ในร่างกาย

                     สเต็มเซลล์ (Stem Cell) หรือ เซลล์ต้นกำเนิด คือ เซลล์ตัวอ่อนที่ยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ มีคุณลักษณะพิเศษ 3 ประการ ได้แก่

                 1) ยังไม่เป็นเซลล์ทำหน้าที่เฉพาะเจาะจง (Undifferentiated Cell)

                 2) สามารถแบ่งตัวได้อย่างไม่มีขีดจำกัดทุกช่วงอายุที่มีการเจริญเติบโตและเปลี่ยนแปลงเพื่อไปเป็นเซลล์อื่นๆ ที่ทำหน้าที่เฉพาะเจาะจงได้ เช่น เปลี่ยนกลายเป็นเซลล์เนื้อเยื่อชนิดต่างๆ เซลล์ประสาท เซลล์เม็ดเลือด

                 3) สามารถแบ่งเซลล์เพื่อทดแทนเซลล์ลักษณะเดิมได้ (Self-Renewal) จากคุณลักษณะพิเศษของสเต็มเซลล์ (Stem Cell) ทำให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีสเต็มเซลล์ (Stem Cell Technology) มาใช้ในทางการแพทย์ โดยมีการศึกษาวิจัยกลไกการออกฤทธิ์ของสเต็มเซลล์ (Stem Cell) พบว่า หลังจากที่สเต็มเซลล์ (Stem Cell) ถูกฉีดเข้าสู่ร่างกาย สเต็มเซลล์ (Stem Cell) จะเดินทางไปยังอวัยวะที่เป็นแหล่งต้นกำเนิด (Homing) เมื่อพบว่าเซลล์ของอวัยวะนั้นๆ เสื่อม สเต็มเซลล์ (Stem Cell) ก็จะสร้างสารชีวโมเลกุลหลากหลายชนิดขึ้นมา เช่น Cytokines, Chemokines และ Growth Factors เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซ่อมแซม ฟื้นฟู และทดแทนเนื้อเยื่อที่มีความเสื่อมหรือเสียหาย

                      แหล่งที่มาของสเต็มเซลล์ (Stem Cell) หรือ เซลล์ต้นกำเนิด มีอยู่ 2 แบบ คือ Embryonic Stem Cell (เซลล์ต้นกำเนิดตัวอ่อน) เซลล์ตัวอ่อนตั้งแต่ปฏิสนธิ และ Adult Stem Cell (เซลล์ต้นกำเนิดโตเต็มวัย) จากเนื้อเยื่อที่โตเต็มวัย เช่น ไขกระดูก, เลือด, เลือดจากสายสะดือทารก, รก, ฟันน้ำนม, เนื้อเยื่อไขมัน เป็นต้น สำหรับสเต็มเซลล์ (Stem Cell) ที่มีการนำมาใช้ทางการแพทย์เพื่อเสริมความงาม ดูแลสุขภาพ และเสริมสร้างความอ่อนเยาว์นั้น จะใช้เซลล์ต้นกำเนิด ซึ่งเป็น Adult Stem Cell ที่เรียกว่า มิเซนไคยมอล สเต็มเซลล์ (Mesenchymal Stem Cells –MSC)

                      การรักษาด้วยเซลล์บำบัด (Cell Therapy) โดยใช้สเต็มเซลล์ (Stem Cell) หรือ เซลล์ต้นกำเนิดนั้นจะให้ความสำคัญกับความสามารถในการซ่อมแซม ฟื้นฟู และทดแทนเนื้อเยื่อที่เสียหาย โดยสเต็มเซลล์ (Stem Cell) จะมีคุณสมบัติพิเศษ คือ ความสามารถในการที่จะเดินทางไปยังแหล่งที่มีการอักเสบ และสร้างสารชีวโมเลกุล เช่น Cytokines ที่ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อ, ต้านการอักเสบ, ปรับสมดุลฮอร์โมน, ปรับสมดุลของร่างกาย และกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์ต้นกำเนิด ที่มีอยู่ในร่างกาย โดยสเต็มเซลล์

                       (Stem Cell) สามารถทำหน้าที่ต่าง ๆ ได้ดังนี้

                • ช่วยกระตุ้นเซลล์ในร่างกายที่ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนให้ทำงานและตอบสนองกับสภาพร่างกายและฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงได้ดียิ่งขึ้น
                •  ช่วยส่งเสริมให้ร่างกายกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ ช่วยเพิ่มเซลล์ชนิด Fibroblasts ซึ่งเป็นเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินให้กับผิวหนัง ซึ่งจะช่วยลดริ้วรอย, ความเหี่ยวย่น และรักษารอยแผล ทำให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง และทำให้เซลล์ผิวโดยรวมดูอ่อนเยาว์อย่างเห็นได้ชัดเจน
                • ช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล (ผิวที่เสื่อมสภาพ เช่น ซ่อมแซมเซลล์ผิวที่ได้รับความเสียหายจาก Ultraviolet B (UVB), เพิ่มความแข็งแรงให้กับผิวหนังชั้น Dermis ช่วยลดอัตราการเกิดมะเร็งผิวหนังช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (Connective Tissue) ที่มีผลกับสร้างเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินรวมไปถึงการสร้างหลอดเลือดและเนื้อเยื่อ กระตุ้นให้เกิดการไหลเวียนเลือดทำให้ผิวดูมีเลือดฝาด
                • ช่วยส่งเสริมการเจริญของหลอดเลือดใหม่ (Angiogenesis) ซึ่งจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปยังเนื้อเยื่อและอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย ทำให้ร่างกายทำงานได้ดีขึ้น
                • ช่วยลดกระบวนการอักเสบในร่างกายและปรับสมดุลของระบบภูมิคุ้มกัน
                • ช่วยกระตุ้นการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการถูกทำลายของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายจากสารอนุมูลอิสระ
                • ช่วยกระตุ้นการทำงานของ Growth Factor และ Cytokines ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายให้ตอบสนองและทำงานได้ดียิ่งขึ้น

                       จะเห็นได้ว่า สเต็มเซลล์ (Stem Cell) นั้นมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งเพราะ สเต็มเซลล์ (Stem Cell) นั้นเป็นเซลล์ต้นกำเนิดของอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย โดยเซลล์ต้นกำเนิดนี้ จะมีจำนวนลดลงและมีความสามารถลดลงเรื่อยๆ เมื่อมีอายุมากขึ้น และลดลงอย่างรวดเร็ว ถ้าบุคคลนั้นมีสุขภาพที่ไม่ดี หรือมีโรคประจำตัวต่าง ๆ ซึ่งระดับจำนวนสเต็มเซลล์ ในกระแสเลือด (Circulating Stem Cell) มีความสำคัญต่อสุขภาพและมีผลต่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอต่างๆของร่างกายผู้ที่มีระดับจำนวน สเต็มเซลล ที่มากพอจะมีสุขภาพที่ดีห่างไกลจากการเกิดโรค 

                การใช้ Stem Cell Therapy ในการดูแลสุขภาพจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่ง 

                สาเหตุและทางแก้ไขปัญหาช่องคลอดไม่กระชับ

                สาเหตุของช่องคลอดหลวม

                ช่องคลอดหลวม ทำไงดี! ปัญหาหนักใจสำหรับผู้หญิง เพราะเมื่อเริ่มมีอายุมากขึ้น ช่องคลอดก็เสื่อมสภาพตามกาลเวลาเป็นเรื่องธรรมดา แต่ดูท่ามันจะเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่น่าจะธรรมดา สำหรับ “คู่รัก” ซึ่งอาจจะลุกลามจนก่อเกิดเป็นปัญหาครอบครัวจนถึงขั้นเตียงหักได้ แค่เพราะปัญหาธรรมดาที่เกิดตามวัยของผู้หญิงเรา แต่คุณผู้ชายตัวดีของเราดันไม่เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องธรรมดานี่สิ แต่ก่อนจะไปดูวิธีการแก้ไข เรามาทำความเข้าใจกันให้มากขึ้นเกี่ยวกับอาการนี้กันก่อน

                ช่องคลอดหลวมเป็นยังไง?

                คุณมีอาการแบบนี้หรือเปล่า? รู้สึกว่าช่องคลอดไม่ฟิตกระชับขณะมีเพศสัมพันธ์เหมือนที่เคย รู้สึกว่าช่องคลอดหลวม มีลมออกมา หรือเจ็บ จนทำให้มีความสุขน้อยลง อีกทั้งช่องคลอดหลวมยังทำให้มีอาการปัสสาวะเล็ดเมื่อไอหรือจามได้ด้วย

                ช่องคลอดหลวมเกิดจากอะไร?

                ช่องคลอดไม่กระชับเกิดจากกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อผนังภายในเสื่อม ทำให้เกิดความหย่อนยาน หลวมและกว้างขึ้น ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การเสื่อมสภาพของร่างกายตามวัย การคลอดบุตร โรคประจำตัวบางอย่าง ภาวะอ้วน การยกของหนักเป็นประจำ เป็นต้น

                    อาการช่องคลอดหลวมเกิดได้ตามธรรมชาติ และบางกรณีก็หลีกเลี่ยงไม่ได้แบบนี้ สาวๆ จะมีวิธีแก้แบบไหนได้บ้างนะ

                ช่องคลอดหลวมรักษาอย่างไร

                ทางออกอยู่ที่นี่แล้ว! Rejuvet Clinic เข้าใจเรื่องความกังวลนี้ของสาวๆ มากที่สุด การันตีด้วยรางวัล  Thailand No.1 Top Treatment Provider Award 2 ปีซ้อน (2019, 2020)  คุณจึงมั่นใจได้ว่าเรามีความเชี่ยวชาญและให้ความสำคัญเรื่องน้องสาวเป็นอันดับ 1 เพราะฉะนั้นสาวๆทุกคน ทิ้งความอายออกไปและให้เราช่วยแก้ไขปัญหาช่องคลอดหลวมให้กลับมาฟิตเหมือนวัยแรกแย้ม วิธีการทำไม่ใช่วิธีการแบบเก่าๆ ที่รักษาเฉพาะช่องคลอดแน่นอน แต่เรายังสามารถทำให้ภายนอกจากที่หย่อนคล้อย กลับมาเรียบเนียน ตึง อวบอูม กระชับ สีสวยสดอีกด้วย ถ้าภายนอกยังทำให้สวยขนาดนี้ แน่นอนภายในเราก็ไม่ธรรมดา เราสามารถทำให้ช่องคลอดกระชับ บีบรัดเหมือนสาวเวอร์จิ้น แถมกระตุ้นให้จุดออกัสซั่มไวต่อความรู้สึก และทำให้ช่องคลอดชุ่มชื้นไม่แห้งเหือด ทำให้บทรักที่ร้อนแรกเหมือนครั้งแรกได้ทันทีจากที่ทำครั้งแรก

                เจ็บมั้ย?

                เทคโนโลยี New ThermiVa ที่เราใช้นั้น เป็นวิธีแก้ช่องคลอดหลวมที่ไม่ใช่การผ่าตัด จึงตัดเรื่องการพักฟื้นเป็นระยะเวลานานได้เลย และที่สำคัญไม่เจ็บเลย แต่แค่รู้สึกอุ่นๆ เท่านั้น เพราะเราใช้ Heat Protector Gel ความบริสุทธ์สูง ไม่ก่ออาการแพ้ บริสุทธิ์ 100% (Made in USA) ส่งพลังงานลึก แม่น 3 เท่าป้องกันผิวน้อง ไม่มี Burn เอกสิทธิ์เฉพาะ Rejuvet clinic เท่านั้น และไม้ Probe เป็นไม้ที่สั่งทำขึ้นมาเฉพาะ ไม่แชร์กับลูกค้าท่านอื่นแน่นอน 

                เพราะฉะนั้นคุณลูกค้ามั่นใจได้ถึงความปลอดภัย ความสะอาดได้แน่นอน คุณผู้หญิงจะรักการทำ Revergin กับทาง Rejuvet Clinic แน่นอน ทางเราจะมีการถ่ายรูปเปรียบเทียบให้ดูก่อน – หลังทำเพื่อให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ คุณผู้ชายทั้งหลายจะกลับมาเป็นแมวน้อยในกำมือของคุณผู้หญิงทุกท่านแน่นอน หมดกังวลเรื่องช่องคลอดไม่กระชับไปได้เลย แนะนำให้ทำต่อเนื่องเพื่อให้เกิดการกระชับ ฟิตอยู่ตลอดเวลา เวลาก็ทำอะไรไม่ได้อีกต่อไป เพราะเรามีตัวช่วยที่สามารถต่อสู้กับปัญหาช่องคลอดหลวมได้อย่างหมดจด

                อาการวัยทองแบ่งออกเป็นกี่ระยะ 

                อาการวัยทองแบ่งออกเป็นกี่ระยะ 

                อาการวัยทองหรืออาการของวัยหมดประจำเดือน เป็นวัยที่มีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง เนื่องจากรังไข่หยุดทำงาน ซึ่งทำให้สิ้นสุดการมีประจำเดือนอย่างถาวร และเกิดการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยา โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ

                ▸ ระยะก่อนหมดประจำเดือน เป็นระยะเริ่มของการหมดประจำเดือนทำให้มีประจำเดือนมาผิดปกติ ร่วมกับมีอาการทางร่างกาย เช่น ร้อนวูบวาบ มึนศีรษะ อ่อนเพลีย อารมณ์จะแปรปรวน ซึ่งระยะนี้จะเกิดประมาณ 2-3 ปี

                ▸ ระยะหมดประจำเดือน เป็นระยะที่เริ่มตั้งแต่การหมดประจำเดือนมาแล้วเป็นเวลา 1 ปี

                ▸ ระยะหลังหมดประจำเดือน เป็นระยะที่เริ่มตั้งแต่หลังหมดประจำเดือนมาแล้ว 1 ปี ซึ่งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ได้แก่ ช่องคลอดตีบแคบ กระดูกพรุน และเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคต่างๆได้ง่าย