Perimenopause & Menopause 

 Perimenopause

ก้าวสู่วัย 40 ระยะเริ่มต้นความการแปรปรวนของระบบฮอร์โมน


ระยะเริ่มต้นของวัยหมดประจำเดือน (Perimenopause) เป็นช่วงเวลาก่อนวัยหมดประจำเดือน (Menopause) โดยจะกินระยะเวลา 4-5 ปี ซึ่งฮอร์โมนเริ่มขาดความสมดุล ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนโพรเจสเตอโรนมีการแปรปรวน ส่วนใหญ่เกิดจากการมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนมากเกินไปและระดับฮอร์โมนโพรเจสเตอโรนน้อยเกินไป ทำให้เกิดอาการทางร่างกายและจิตใจได้ ดังนี้

อาการทางร่างกาย

  • ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ
  • ช่องคลอดแห้ง ความรู้สึกทางเพศลดลง เจ็บปวดขณะร่วมเพศ
  • มีอาการร้อนวูบวาบ  เหงื่อออกตอนกลางคืน
  • รู้สึกหนาวและร้อนผิดปกติ
  • ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ
  • น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น
  • ผิวหนังมีริ้วรอย แห้ง ผมแห้ง
  • มีอาการคันตามผิวหนัง
  • ผมร่วง มีขนตามร่างกายหรือใบหน้าเพิ่มมากขึ้น
  • กลั้นปัสสาวะไม่ค่อยได้ ถ่ายปัสสาวะบ่อย ไอจามมีปัสสาวะเล็ด
  • กระเพาะปัสสาวะอักเสบบ่อย
  • ปวดหลัง ปวดตามข้อและตามกล้ามเนื้อ ร่างกาย
  • ใจสั่น
  • ร่างกายบวมน้ำ
  • เฉื่อยชา ง่วงเหงาหาวนอน


อาการทางจิตใจ

  • วิตกกังวล
  • นอนไม่หลับหรือหลับไม่สนิท
  • หลงลืมง่าย สมาธิสั้น
  • เหนื่อยง่าย
  • อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย
  • ซึมเศร้า ไม่รื่นเริง
  • ไม่ค่อยมีความมั่นใจในการพูดจาหรือลังเลในขณะทำงาน


สัญญาณแรกๆคือการเปลี่ยนแปลงของประจำเดือน ผู้หญิงบางคนอาจมีประจำเดือนมากขึ้นหรือน้อยลง ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ มีประจำเดือนติดกันหรือห่างกันมาก ภาวะก่อนวัยหมดประจำเดือนในผู้หญิงแต่ละคนแตกต่างกันไป ทังความรุนแรง ระยะเวลาและความถี่ของอาการ เป็นความเปลี่ยนแปลงที่ผู้หญิงทุกคนต้องเผชิญไม่ช้าก็เร็ว

Menopause

วัยทองคืออะไร?

วัยทอง (Menopause) คือ ภาวะที่สตรีเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน โดยรังไข่จะหยุดสร้างฮอร์โมนเพศหญิงที่มีชื่อว่า เอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ส่งผลให้ไม่มีประจำเดือน ถ้าประจำเดือนขาดหายไปครบ 1 ปี แสดงว่ารังไข่ได้หยุดทำงานแล้ว และถือว่าได้เข้าสู่วัยทองอย่างสมบูรณ์ โดยอายุเฉลี่ยที่ผู้หญิงไทยเข้าสู่วัยทองประมาณ 45-52 ปี  

สังเกตอาการ วัยทอง

  • อาการร้อนวูบวาบ (hot flush) โดยเฉพาะบริเวณลำตัวส่วนบน เช่น บริเวณหน้า คอ และอก มักเกิดอาการนานประมาณ 1-5 นาที ร่วมกับ อาการอื่น ได้แก่ เหงื่อออก หนาวสั่น วิตกกังวล หรือใจสั่นได้ อาการเหล่านี้อาจรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน และการนอนหลับยากขึ้นได้ 
  • ช่องคลอดแห้ง ติดเชื้อและคันในช่องคลอด เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ได้
  • โรคกระดูกพรุน
  • โรคไขมันในเลือดสูงเพิ่ม โอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันมากขึ้น เนื่องจากจากการขาดเอสโตรเจน เพราะฮอร์โมนเอสโตรเจนทำหน้าที่สำคัญในการลดไขมันไม่ดี( LDL)
  • เพิ่มความเสี่ยงการเป็นโรคอัลไซเมอร์
  • ซึมเศร้า อารมณ์หงุดหงิด มีความวิตกกังวลง่าย
  • ผิวหนังเหี่ยวแห้ง และบาง ขาดความยืดหยุ่น เป็นแผล และกระได้ง่าย

วัยทองรักษาได้หรือไม่?

  • การรักษาโดยการให้ฮอร์โมนเพศหญิงทดแทน (hormone replacement therapy: HRT) ใช้เฉพาะผู้ที่มีอาการรุนแรงและไม่มีข้อห้ามใช้ฮอร์โมนเพศหญิงทดแทน
  • กลุ่มยาที่ไม่ใช่ฮอร์โมนเพศหญิง (non-hormonal treatment) ได้แก่ กลุ่มยารักษาโรคซึมเศร้า (antidepressant) เช่น ยากลุ่ม SSRIs และ SNRIs ยากลุ่ม selective estrogen receptor modulators (SERMS) ตัวอย่างยาได้แก่ tamoxifen, raloxifene เป็นต้น ยา tibolone และ androgen เป็นต้น

วิธีดูแลตนเองรับมือกับวัยทอง

1. อาหาร สตรีวัยทองควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และเน้นการกินอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น นม โยเกิร์ต พืชตระกูลถั่ว เต้าหู้ งาดำ ปลาตัวเล็ก ผักใบเขียว เป็นต้น แคลเซียมที่รับเข้าไปจะเป็นตัวเสริมสร้างกระดูกเพื่อป้องกันภาวะกระดูกพรุน นอกจากนี้ ควรควบคุมระดับไขมันในเส้นเลือดโดยงดอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง และเลือกกินอาหารที่ย่อยง่าย

2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น การเดิน การวิ่งเหยาะๆ เต้นรำ รำมวยจีน เต้นแอโรบิก เป็นต้น

3. ฝึกการควบคุมอารมณ์ให้มีความคิดในทางบวก และทำจิตใจให้แจ่มใสเบิกบาน

4. ตรวจร่างกายอย่างสม่ำเสมอปีละ 1 ครั้ง 
ตรวจเช็คความดันโลหิต 
ตรวจเลือดหาระดับไขมัน 
ตรวจภายในเช็คมะเร็งปากมดลูก 
ตรวจหามะเร็งเต้านม (Mammography) 
ตรวจหาความหนาแน่นของกระดูก (Bone Mineral Density) 
รวมทั้งการตรวจระดับของฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับวัยทอง

5. ปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณารับฮอร์โมนทดแทน ในกรณีที่สตรีวัยทองมีอาการต่างๆ มาก หรือตรวจพบความผิดปกติ เช่น กระดูกบาง หรือกระดูกพรุน และมีความจำเป็นจะต้องได้รับฮอร์โมนเพิ่มเติม แพทย์จะพิจารณาให้ฮอร์โมนทดแทนตามความเหมาะสม

ผลดีของฮอร์โมนทดแทน 
ช่วยรักษาอาการต่างๆ ของภาวะขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน อาการที่สำคัญได้แก่ อาการร้อนวูบวาบและลดการสูญเสียมวลกระดูก จึงช่วยป้องกันภาวะกระดูกบางและกระดูกพรุน นอกจากนี้ ยังรักษาอาการช่องคลอดแห้งที่เกิดจากการขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน และช่วยป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่

ผลเสียของฮอร์โมนทดแทนที่อาจเกิดขึ้น 
อาการข้างเคียงหรืออาการไม่พึงประสงค์ เช่น เลือดออกทางช่องคลอด คัดตึงเต้านม น้ำหนักเพิ่ม เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ขาบวม เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดดำอุดตัน และอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งมดลูก มะเร็งเต้านม โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ในปริมาณที่สูง และใช้ติดต่อกันนาน 10-15 ปี ซึ่งการใช้ฮอร์โมนทดแทนไม่ควรใช้ติดต่อนานเกิน 5 ปีผลกระทบหลังการเข้าสู่ภาวะวัยทองจำเป็นต้องหมั่นฟื้นฟูสภาพภายในร่างกายให้แข็งแรง มีพลังงาน จากเซลล์ในร่างกายที่เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา และจากการได้รับยาหรือฮอร์โมนยาวนาน สามารถสอบถามการดูแลฟื้นฟูจากภายในตามแบบแผนตะวันตกได้ที่ นพ.ศิวพล ฐิติยารักษ์ แพทย์เวชศาสตร์ทางเพศและชลอวัย ประจำ Rejuvet clinic

Golden Placenta Therapy

จากการศึกษาวิจัยทางการแพทย์ที่มีมากขึ้น เพื่อยืนยันประโยชน์จากการใช้รก ซึ่งมีทั้งเซลล์ต้นกำเนิดและองค์ประกอบอื่นๆ เพื่อหวังผลในการรักษาดังต่อไปนี้

1.ชลอความแก่: สเต็มเซลล์ที่สกัดจากรก สามารถซ่อมแซมอวัยวะที่เสื่อมสภาพให้สมบูรณ์แข็งแรงได้ จึงมีการใช้อย่างแพร่หลายในการต่อต้านความชรา (Anti-Aging Purpose) เมื่อสเต็มเซลล์ทำงานร่วมกับสารสกัดอื่นๆจากรก จะทำให้เกิดการกระตุ้น ฮอร์โมนในร่างกาย ทำให้มีการผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินเพิ่มขึ้น ทำให้ผิวหนังเต่งตึง เปล่งปลั่ง นุ่มนวล ลดริ้วรอยและ ความหมองคล้ำ ส่งผลให้ดูเป็นหนุ่มสาวขึ้น

2. ปรับสมดุลฮอร์โมน: สารสกัดจากรก ประกอบด้วย ฮอร์โมน Human Choriographic Gonadotropin หรือ HCG ซึ่งมีประสิทธิภาพในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อและลดไขมันส่วนเกิน

สารสกัดจากรก ประกอบด้วย ฮอร์โมนที่จะช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนทั้งในเพศหญิงและเพศชาย ให้ทำงานเป็นปกติมากขึ้น จึงได้นำมาใช้รักษาสภาวะวัยทอง หรือวัยหมดประจำเดือน (Menopause) และบรรเทาโรคเฉพาะสตรี เช่น อาการปวดประจำเดือน นอกจากนี้ ยังใช้บำบัดอาการวัยทอง อารมณ์หงุดหงิดง่าย ใจน้อย ฉุนเฉียวง่าย อวัยวะเพศไม่แข็งตัว ขี้ลืม นอนไม่หลับ กล้ามเนื้อเหี่ยวย่น

3.ลดอักเสบทั่วร่างกาย: สารที่พบในรก ที่เรียกว่า Cytokines ช่วยลดการอักเสบ กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้ร่างกายส่วนต่างๆ ได้รับโลหิต สารอาหาร และออกซิเจนเพิ่มขึ้น ทำให้ความแข็งแกร่งกลับมาเป็นปกติ ผิวพรรณจะสดใส เต่งตึง ริ้วรอยเลือนหายไปอาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือดในสมองจะดีขึ้น เช่น ไมเกรน เสียงหึ่งใบหู (Tinnitus) อาการวิงเวียนบ้านหมุน นอกจากระบบไหลเวียนโลหิตแล้ว สารสกัดจากรกยังทำให้การทำงานของระบบชีวเคมีในร่างกายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

4.เพิ่มภูมิคุ้มกัน: สเต็มเซลล์และสารสกัดจากรก จะช่วยปรับสมดุลของระบบภูมิต้านทาน จึงใช้ในการบำบัดกลุ่มอาการของโรคภูมิเพี้ยน (Autoimmune Diseases) เช่น รูห์มาตอยด์ โรคลูปัส หรือโรคพุ่มพวง และกลุ่มภูมิคุ้มกันตา เช่น โรคเอดส์ วัณโรค การใช้สเตียรอยด์ เคมีบำบัด และรังสีรักษา จะทำให้อาการแทรกซ้อนทุเลาขึ้น เช่น ผมเริ่มงอก เม็ดเลือดแดงและขาวเพิ่มขึ้น

5.ร่างกายแข็งแรงด้วยกรดอะมิโน : รก ประกอบด้วย กรดอะมิโนในปริมาณสูงมาก เนื่องจากกรดอะมิโนจะถูกนำมาใช้ในการเสริมสร้างความแข็งแรงของอวัยวะ ทำหน้าที่เป็นสื่อสัญญาณประสาท และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง รวมทั้งช่วยในการขจัดสารพิษออกจากร่างกาย ดังนั้นการได้รับกรดอะมิโนที่จำเป็นจึงก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ที่ได้รับการฉีด Placenta อีกด้วย

ความลับ Placenta

••••ปรับสมดุลของฮอร์โมนทั้งในเพศหญิงและชาย ให้ทำงานเป็นปกติมากขึ้น จึงได้นำมาใช้รักษาสภาวะวัยทอง ความลับของ Placenta เริ่มจะได้รับการเปิดเผยมากขึ้น จากเดิมที่เราได้ยินว่าชาวจีน ได้นำเอา Placenta มาใช้รักษาโรคและเสริมความงาม มาเป็นเวลาช้านานแล้ว ความก้าวหน้าในทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะเทคโนโลยีจากประเทศเยอรมัน ทำให้เราได้ Product ชนิดใหม่ ที่มาจาก Stem cell และอุดมด้วย Growth factor ซึ่งเป็นวิธีการของธรรมชาติ ในการกระตุ้นการ เจริญเติบโตด้านอวัยวะร่างกายของทารกในครรภ์ ในทุกระบบ โดยผ่านจาก Placenta นี้เอง ซึ่งหากสกัดมาอย่างถูกต้อง ก็จะสามารถแยกแยะ Growth factor ต่างๆ ที่จะช่วยการเจริญเติบโตและการซ่อมแซมของร่างกายทุกอวัยวะ ทุกระบบ เช่น Neural cell growth factor ช่วยการเจริญของระบบประสาท Hepatocyte growth factor ช่วยการเจริญเติบโตและการซ่อมแซมตับ Epidermis enhancing factor ช่วยเรื่องผิวพรรณ Insulin like growth factor ช่วยชะลอความชรา Immune enhancing factor ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค ฯลฯ

Key value:

    •••ใน Placenta ยังมี Stem cell stimulating factor ซึ่งจะช่วยกระตุ้น Stem cell ในร่างกายที่อยู่ในภาวะพัก ให้กลับมามี Activity เหมือนกับการเปิดสวิทซ์ ให้ Stem cell เริ่มการทำงาน ในการซ่อมแซมร่างกาย และพบว่า Placenta peptide สามารถกระตุ้น Stem cell ได้เพิ่มมากขึ้นกว่าปกติถึง 8 เท่า Placenta สกัดมีหลายประเภท

ทำไมต้องใช้ Stemcell และ Placenta เป็น Fresh cell ร่วมกัน ?

บางประเภทสกัดด้วยความร้อนซึ่งมีราคาถูก บางประเภทสกัดด้วยความเย็น บางประเภทเป็นการนำ Placenta สด ๆ มาฉีด อย่างไรก็ตาม การใช้ Placenta เพื่อที่จะให้ได้ประโยชน์สูงสุด คือ การเลือกแยกเฉพาะ Stem Cell ใน Placenta ออกมาแล้วเพาะเลี้ยง ให้มีจำนวนมากขึ้น รวมกับการสกัดเอา peptide ซึ่งเป็น Growth Factor จำนวนกว่า 8,000 ชนิด ใน placenta ออกมา เมื่อนำส่วนประกอบทั้งสองชนิดนี้มารวมกันแล้ว ย่อมจะเกิดประโยชน์ในการฟื้นฟูซ่อมแซม เซลล์ที่เสื่อมไปแล้วอย่างสูงสุด และได้ผลดีมากกว่าการฉีด Placenta สดเดี่ยวหลายร้อยขวด

ประโยชน์ของ Placenta

  • รักษาอาการวัยทองทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย

  • ปรับสมดุลฮอร์โมน ระบบภูมิต้านทาน เสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อ และลดไขมันส่วนเกิน

  • กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต

  • ลดอาการอักเสบ

  • ผิวพรรณ เต่งตึง เปล่งปลั่ง นุ่มนวล ลดริ้วรอย ย้อนวัย

  • คืนความเป็นหนุ่มสาว

ผลที่คาดว่าจะได้รับ*

  • ในเดือนที่ 1 พละกำลังดีขึ้น ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าหายไป สีผิวกระจ่างขึ้น

  • ในเดือนที่ 2.การนอนหลับดีขึ้น ความมีชีวิตชีวากลับคืนมา ผิวหนังที่แห้งเหี่ยวจะนุ่มชุ่มชื้นขึ้น

  • ในเดือนที่3 การนอนหลับดีขึ้นมากและตื่นขึ้นมาไม่อ่อนเพลีย ระบบย่อยอาหารดีขึ้น ผิวหนังจะละเอียดขึ้นและนุ่มขึ้น ทั่วทั้งตัว

  • ในเดือนที่ 4 การนอนหลับเป็นปกติ พละกำลังดี สมรรถภาพทางเพศดีขึ้น รอยดำ เช่น ฝ้าบนใบหน้าค่อย ๆ จางหายไปรอยย่น ตีนกา จะจางลง

  • ในเดือนที่ 5 ความจำดีขึ้น ผิวหนังจะดีขึ้นไปอีกทั้งละเอียด นุ่มและมีความยืดหยุ่น

  • ในเดือนที่ 6 ระบบภูมิคุ้มกันจะดี

ร่างกายอยู่ในภาวะที่แข็งแรงในทุก ๆ ด้าน
*ผลลัพธ์แตกต่างในแต่ล่ะบุคคล

Biotherapy

คืนความเด็ก ผิวใสฉ่ำดูเต่งตึง ด้วยตัวช่วยย้อนอายุเซลล์ผิว Biotherapy ที่สุดของศาสตร์ชะลอวัย No.1 ได้รับมาตรฐานจาก USA

กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยให้ผิวตึงกระชับ ลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย

ฟื้นฟูผิวให้อิ่มฟู อ่อนเยาว์ขึ้น บำรุงผิวหน้าให้เนียนนุ่ม กระจ่างใสไม่หมองคล้ำ ลดการทำงานของเม็ดสีเมลานิน 

ช่วยซ่อมแซม ฟื้นฟู บำรุงเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ชะลอการเกิดผมขาว พร้อมชะลอวัยทั่วเรือนร่าง

ข้อดีของการทำ Bio Therapy บริเวณผิวหน้า 

  • ช่วยบำรุงให้ผิวขาว กระจ่างใส

  • เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว พร้อมเพิ่มความแข็งแรงของเซลล์ผิว

  • ผิวเรียบเนียน กระตุ้นกระบวนการแบ่งเซลล์ ผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพเป็นเซลล์ผิวใหม่ได้เร็วขึ้น

  • ต่อต้านอนุมูลอิสระ และช่วยลดปริมาณเม็ดสีใต้ผิวหนัง

ปัญหาผิวแบบไหนควรทำ โปรแกรม Bio Therapy 

  • ผู้ที่มีปัญหาผิวแห้ง

  • เติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิว

  • ผู้ที่มีปัญหาผิวแพ้ง่าย

  • ฟื้นฟูสภาพเซลล์ผิวให้แข็งแรง

  • ผู้ที่มีปัญหาผิวมัน

  • ลดความมันบนใบหน้า สาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว

  • ผู้ที่มีปัญหาผิวผสม

  • ปรับสมดุลน้ำในผิว ให้อยู่ในสภาวะที่เหมาะสม

Adrenal Fatigue

“ต่อมหมวกไตล้า” คือฮอร์โมนต่างๆ ที่ผลิตจากต่อมหมวกไตขาดสมดุล

ก่อนอื่นเลยเรามารู้จักกับภาวะต่อมหมวกไตล้า (Adrenal Fatigue) ซึ่งแน่นอนว่าต้องเกี่ยวกับต่อมหมวกไตคือต่อมไร้ท่อ ที่มีลักษณะเหมือนหมวกครอบอยู่บนไตทั้งสองข้าง ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนที่สำคัญ ๆ ให้ร่างกายหลากอย่าง พอต่อมหมวกไตล้า ฮอร์โมนต่าง ๆ ที่ผลิตจากต่อมหมวกไตก็เลยขาดสมดุล มาดูกันหน่อยว่าฮอร์โมนที่ต่อมหมวกไตทำหน้าที่ผลิตจะมีตัวสำคัญ ๆ ตัวไหนบ้าง

ฮอร์โมนสำคัญที่มาจากต่อมหมวกไต

  • ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) : เป็นฮอร์โมนที่ช่วยลดความเครียด ช่วยควบคุมการทาํงานของระบบเผาผลาญ ระดับน้ำตาลในเลือด รวมถึงระดับบความดันโลหิตด้วย
  • ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสเตอโรน (Progesterone) : หรือฮอร์โมนเพศหญิง
  • ฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgen) : ฮอร์โมนเพศชาย
  • ฮอร์โมนดีไฮโดรอีพิแอนโดรสเตอโรน (Dehydroepiandrosterone: DHEA) : ฮอร์โมนต้านความชราและเป็นตัวตั้งต้นของฮอร์โมนเพศ
  • ฮอร์โมนอัลโดสเทอโรน (Aldosterone) : ช่วยควบคุมสมดุลโซเดียม-โพแทสเซียมในร่างกาย
  • ฮอร์โมนอะดรีนาลีน (Adrenaline) : ช่วยกระตุ้นหัวใจ ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ทาํใหเ้ลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ช่วยให้ร่างกายตื่นตัวพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน

Check List อาการ

  • ตื่นยาก ตื่นแล้วไม่สดชื่น กลางคืนไม่อยากนอน
  • รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรงตลอดวัน
  • อยากทานเกลือ หรืออาหารรสเค็ม
  • ความรู้สึกทางเพศลดลง
  • หงุดหงิดง่าย โมโหกับเรื่องเล็กน้อย
  • ปวกหัว เวียนศีรษะเวลาลุกนั่งเร็ว ๆ
  • ผมร่วงแบบไม่มีสาเหตุ
  • ผิ้วแห้ง และผิวบางลง
  • ปวกหลังส่วนบน ปวดคอ
  • คุมอาหาร ออกกำลังกายเป็นประจำแต่น้ำหนักไม่ลดลง
  • รู้สึกกังวล ซึมเศร้า ไม่ค่อยสนุกกับสิ่งต่างๆ รอบตัว
  • ความจำลดลง ขี้หลงขี้ลืม
  • รู้สึกดีขึ้นทันทีเมื่อได้กินน้ำตาล

สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการต่อมหมวกไตล้า

  • ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย
  • ความดันโลหิตต่ำ น้ำตาลในเลือดต่ำ
  • เครียด วิตกกังวล กดดันตัวเอง
  • ไม่ท่านเมื่อเช้า ทานของมันของทอดมากเกินไป
  • ปล่อยให้ร่างกายขาดวิตามิน
  • ป่วยเรื้องรัง เช่น ภูมิแพ้ เบาหวาน หัวใจ
  • ผู้ป่วยที่เกิดความเครียดหลังผ่าตัด

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเวชศาสตร์ทางเพศและการชะลอวัยได้ที่ Rejuvet Clinic โดยนายแพทย์ศิวพล ซิตตยารักษ์(หมอแมน)

แนวทางการรักษา

  • Vitamin Therapy และฟืนฟูร่างกายแบบองค์รวม
  • ปรับสมดุลฮอร์โมน โดยใช้วิธีทางธรรมชาติศาตร์การแพทย์แผนตะวันตก
  • ไม่ตอ้งใชย้าไม่ตอ้งฉีดฮอร์โมน
  • ติดตามผลการรักษาตวัต่อตัว
  • ดูแลต่อเนื่องจนหายดี
  • เข้าใจไลต์สไตล์คนไข้